ชูกลยุทธ์ Omni Effect เสริมแกร่ง‘อมรินทร์’
อมรินทร์ เปิดแผนปี 2020 เดินหน้ากลยุทธ์ Omni Effect ผนึกกำลังทุกกลุ่มงานเชื่อมโยงสร้างความแข็งแกร่ง กระจายความเสี่ยง พร้อมรุกขยายงานแฟร์ ลูกค้ากลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงทั้งในกรุงเทพฯ - ต่างจังหวัด ขณะที่ 9 เดือนมีรายได้กว่า 2,200 ล้านบาท
นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทได้วางกลยุทธ์ธุรกิจสู่การกระจายรายได้ เพื่อลดความเสี่ยงการทำธุรกิจจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ เพื่อให้อมรินทร์สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจทั้ง 5 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ทีวี นิตยสาร งานแฟร์ และร้านหนังสือพร้อมทั้งผสานกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือทำงานร่วมกัน โดยมุ่งสู่กลยุทธ์ Omni Effect เชื่อมทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน
“อมรินทร์มุ่งผนึกกำลังของทุกภาคส่วนในเครือ ทั้งนิตยสารและหนังสือเล่ม, สื่อบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย, ร้านนายอินทร์ มีเดียคอมเมิร์ซ ร้านค้าออนไลน์ งานแฟร์ และกิจกรรมต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเมื่อผนวกกันแล้วบริษัทเชื่อว่าจะเป็นจุดแข็งและเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญให้กับบริษัท ทำให้มีรายได้บรรลุเป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้ในสิ้นปีนี้”
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่บริษัทจะพัฒนาต่อไปให้แข็งแรงขึ้น คือ 1. Amvata.com มีเดียคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อนำเสนอขายสินค้าและบริการของอมรินทร์ทั้งหมดซึ่งจะเป็นช่องทางการปิดการขายให้กับอมรินทร์ 2.ธุรกิจทีวี โดยบริษัทจะเสริมความแข็งแรงให้กับช่องโดยการพัฒนาคอนเทนต์ต่างๆ ให้มากขึ้น อาทิ ละคร กีฬา ข่าว และ Local Lifestyle ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทพบว่าช่องอมรินทร์มีฐานผู้ชมประจำต่อเนื่อง รวมทั้งมีเรตติ้งรายการข่าวเช้าขยับขึ้นตามลำดับ
3.ธุรกิจนิตยสาร โดยวางแผนปรับรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น ปรับหัวปกนิตยสาร, Issue,คอนเทนต์ ธีมเรื่องเด่น เรื่องรอง เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทมองว่ากลุ่มผู้อ่านนิตยสารที่เป็นแฟนคลับจริงๆยังมีอยู่ แต่อมรินทร์ต้องเพิ่มสื่อการเข้าถึงฐานผู้อ่านให้มากขึ้น เช่น สื่อนิตยสารต้องควบคู่ไปกับสื่อออนไลน์ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเริ่มสังเกตเห็นวิดีโอ คอนเทนต์ค่อนข้างมาแรง ดังนั้นในปีหน้าอมรินทร์จะมุ่งพัฒนาการทำ Video Program ให้แข็งแรงขึ้น รวมทั้งจะพัฒนารายการใหม่ของ “แพรว” ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น แฟชั่น การเงิน อสังหาฯ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยบริษัทวางแผนให้ทุกแบรนด์มี Video Program ให้กับผู้บริโภค
4.ธุรกิจงานแฟร์ โดยบริษัทจะเพิ่มการจัดงานอีก 2 งาน ได้แก่ 1. บ้านและสวน เพ็ท แฟร์ เนื่องจากพบว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดสัตว์เลี้ยงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนมาก รวมทั้งมีการเติบโตต่อเนื่อง 2. อมรินทร์ เอ็กซ์โป ขอนแก่น ซึ่งเป็นงานเอ็กซ์โปในต่างจังหวัดเป็นแห่งแรกที่จะนำร่องไปสู่จังหวัดอื่นๆ ขณะเดียวกันภายในงานจะมีสินค้าและบริการต่างๆ เช่น บ้านและสวน สุขภาพ เด็ก หนังสือ เป็นต้น หากในจังหวัดขอนแก่นได้รับการตอบรับดี อมรินทร์ก็จะขยายงานเอ็กซ์โปนี้ไปสู่จังหวัดอื่นๆ มากขึ้น
5. ร้านหนังสือนายอินทร์ บริษัทวางแผนการขยายร้านหนังสือให้มากขึ้น พร้อมทั้งรีโนเวตร้านหนังสือให้มีความทันสมัยเข้ากับผู้อ่านในปัจจุบัน เปิดตัว Mareads.com เว็บไซต์ที่เปิดให้คนเข้ามาเขียนและอ่านนิยายบน online และสามารถพิมพ์ Print on Demand ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทพบว่าพฤติกรรมผู้อ่านปัจจุบันให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือเล่มมากขึ้น โดยเฉพาะหนังสือนิยายที่มีกลุ่มผู้อ่านเหนียวแน่น
ด้านผลประกอบการรายได้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 828.69 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 90.22 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.82% เนื่องด้วยในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ก่อนบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด จากเดิมถือหุ้น 19% เป็น 100% ขณะที่รายได้จากกลุ่มนิตยสารและงานรับจ้างพิมพ์ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้รายได้รวมลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,214.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 242.61ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.30% เพิ่มขึ้นจากธุรกิจจัดหน่ายสิ่งพิมพ์ 92.74% ธุรกิจดิจิทัล ซึ่งดำเนินการโฆษณาและรับจ้างผลิตงานประเภทดิจิทัล 21.14% และธุรกิจงานแฟร์ 5.95% จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน
หน้า 31-32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,533 วันที่ 22-25 ธันวาคม 2562
