แผนรุก “บีอีซี เทโร มิวสิค” ปั้นรายได้จาก เพลง-ศิลปิน-โชว์บิซ
“บีอีซี เทโร มิวสิค” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ดึงเทคโนโลยีต่อยอดสร้างช่องทางทำรายได้ใหม่ รับดูแลบริหารจัดการสิทธิศิลปินนอกค่าย ล่าสุดประยุกต์เพลงเก่าในคลังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ย้ำธุรกิจโชว์บิซยังเป็นกลุ่มรายได้หลักสร้างเม็ดเงิน
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย “เพลง” ยังเป็นความบันเทิงสำหรับคนทั่วโลก และตลอดระยะเวลาที่ผ่านไปรสนิยม และรูปแบบเพลงก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาและพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของแพลตฟอร์ม ประเภทดนตรี ศิลปิน คอนเสิร์ต ฯลฯ ดังนั้นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และความบันเทิงจำเป็นต้องเรียนรู้และเร่งปรับตัวให้ทันกับผู้ฟัง เช่นเดียวกับบริษัท บีอีซี-เทโร มิวสิค จำกัด ที่กำลังเรียนรู้กับโลกยุคใหม่และหาวิธีช่องทางใหม่เพิ่มรายได้
นายพอล มนัสถาวร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีอีซี เทโร มิวสิค จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การมีเทคโนโลยีเข้ามา Disruption บริษัทมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆให้กับบริษัท พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนจำนวนมากในการปล่อยซิงเกิ้ลเพลงแต่ละเพลง โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มองเห็นโอกาสจากการมีศิลปินหน้าใหม่ทั้งศิลปินในค่ายและนอกค่ายเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ศิลปินหน้าใหม่เหล่านั้นขาดคือการบริหารจัดการลิขสิทธิ์เพลง การเชื่อมโยงและติดต่อแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับเพลงทั้งหมด ซึ่งบีอีซี เทโรมิวสิค มีเครื่องมือ ผู้เชี่ยวชาญและพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงได้มีแนวคิดเพิ่มงานบริการใหม่ครบวงจรคือการเป็นดูแลบริหารจัดการให้ศิลปินนอกค่าย เช่น การนำบทเพลงออกสู่ตลาดและแพลตฟอร์มต่างๆ จัดแสดงโชว์ และการดูแลเรื่องลิขสิทธิ์
“ปัจจุบันสถานการณ์การฟังเพลงเปลี่ยนไปจากอดีต เนื่องจากมีเทคโนโลยีเข้ามา Disruption แต่ในมุมมองของบริษัทมองว่าการมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นการเพิ่มโอกาสให้การทำธุรกิจเพลง ทั้งในด้านของการวัดผล ต้นทุนที่ถูกลง และตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังได้แม่นยำมากขึ้น เพราะหากเทียบในอดีตต้องใช้ต้นทุนจำนวนมากเพื่อผลิตเทป ซีดี แผ่นเสียง อื่นๆเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ฟัง และเมื่อผลิตออกมาแล้วก็ไม่ทราบข้อมูลว่าผู้ฟังรู้สึกอย่างไรและมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในแง่การเป็นของที่ระลึก หรือของสะสมสำหรับผู้มาชมคอนเสิร์ต”
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้จับมือบริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือJOOX ประเทศไทย ร่วมกันเพื่อทำโปรเจ็กต์พิเศษ SEVEN JOURNEY 7 นี้… อีกนาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ เราจะพาบทเพลงเดินทาง โดยการนำเพลงฮิตในอดีตจำนวน 7 เพลงมาสร้างสรรค์ใหม่โดยถ่ายทอดผ่าน 7 กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ ผ่านแอพพลิเคชัน JOOX โดยบริษัทเชื่อว่าการนำเพลงเก่ามาถ่ายทอดใหม่ครั้งนี้จะช่วยให้ขยายฐานผู้ฟังกลุ่มใหม่มากขึ้น พร้อมทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงในอนาคตจะมีการจับมือพาร์ตเนอร์ค่ายเพลงอื่นๆ และแพลตฟอร์มเพลงต่างๆเพื่อทำงานร่วมกันมากขึ้น
ขณะเดียวกันในด้านสัดส่วนรายได้ปัจจุบันยังคงมีช่องทางรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจโชว์บิซ 60% ดิจิทัลแพลตฟอร์ม 30% และการจัดเก็บลิขสิทธิ์ 10% ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผับ บาร์ อื่นๆ รวมถึงผู้ที่นำบทเพลงในค่ายไปถ่ายทอดใหม่บนแพลตฟอร์ม Youtube , Facebook เริ่มมีความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ต่างๆมากขึ้นทำให้ในช่วงที่ผ่านมารายได้ในกลุ่มเรื่องการจัดเก็บลิขสิทธิ์เติบโตขึ้น ซึ่งอานิสงส์ครั้งนี้มาจากการมีภาครัฐที่เข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์ทำให้ผู้ฟังและธุรกิจต่างๆตระหนักเรื่องนี้มากขึ้น
สำหรับธุรกิจโชว์บิซยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง มีศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจเฟสติวัลและโชว์บิซ เช่น ลานเบียร์ คอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า เคาต์ดาวน์ อื่นๆ และในปลายปีนี้บริษัทได้เตรียมมีงานคอนเสิร์ตต่างๆ ได้แก่ Shawn Mendes , Backstreet boy , Mumford & Sons เป็นต้น ขณะที่แนวดนตรีเพลงไทยยังคงเป็นตลาดหลัก เนื่องจากฐานผู้ฟังกลุ่มใหญ่เป็นคนไทยนิยมฟังเพลงไทย รวมถึงมีเม็ดเงินในตลาดสูง
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3516 ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2562