การวางแผนอนาคต สำหรับธุรกิจครอบครัว

08 ก.ย. 2562 | 02:16 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2562 | 09:16 น.

คอลัมน์บิสิเนส แบ็กสเตจ โดย : ผศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล

 

ปัจจุบันมีธุรกิจครอบครัวจำนวนไม่น้อยที่ก้าวขึ้นสู่ความเป็นธุรกิจระดับโลก เพื่อให้กิจการมีอายุยืนยาวธุรกิจเหล่านี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการวางแผนระยะยาว หากจะเปรียบการบริหารธุรกิจครอบครัวในระยะยาวก็เหมือนการบำรุงรักษาต้นไม้ ทั้งต้นไม้และธุรกิจครอบครัวสามารถเติบโตขึ้นได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสมจะสามารถช่วยให้ธุรกิจครอบครัวบริหารสินทรัพย์ที่ตัวเองมี เห็นอุปสรรคข้างหน้า และเริ่มวางแผนระยะยาวที่จำเป็นเพื่อให้กิจการมีอนาคตที่ยั่งยืน โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

เตรียมดินและต้นกล้า : ระบุสินทรัพย์ของครอบครัวและเป้าหมาย

ในธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จสิ่งที่ถือเป็นสินทรัพย์ของครอบครัวนอกจากทรัพย์สินที่เป็นตัวเงิน แล้วสมาชิกครอบครัวที่มีความสามารถก็เป็นสินทรัพย์สำคัญ การสนับสนุนจากครอบครัวจะเป็นรากฐานสำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญไม่ว่าจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตในระยะยาว การกำหนดกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ชัดเจน และปรัชญาการบริหารที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ซึ่งการสนับสนุนเหล่านี้จะทำให้ครอบครัวยังคงมีส่วนร่วมอยู่ในอนาคต ดังนั้นหากเมื่อใดสินทรัพย์ของครอบครัวหายไปแสดงว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณาปรับโครงสร้างบทบาทของครอบครัวในธุรกิจ โดยสินทรัพย์ของครอบครัวนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัวและแต่ละบริษัท ธุรกิจครอบครัวต้องการสินทรัพย์ของครอบครัวที่แข็งแกร่งเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายในปัจจุบัน

ความท้าทายแรก ได้แก่ การจัดระเบียบครอบครัว การพัฒนาครอบครัวและการแบ่งผลประโยชน์ของครอบครัว ความท้าทายที่ 2 เกี่ยวกับตลาด เช่น ผลิตภัณฑ์ ตลาดทุนและตลาดแรงงาน ธุรกิจครอบครัวเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เหมือนธุรกิจทั่วไปเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโครงสร้าง ความสัมพันธ์กับพนักงานหรือวิธีระดมทุนเพื่อการลงทุนใหม่ และกลุ่มสุดท้าย คือความท้าทายภายนอกซึ่งมีมากมายและหลากหลายและอาจรวมถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ กฎหมายมรดกและภาษีที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ และกฎระเบียบของรัฐซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต รวมถึงการคอร์รัปชันและการไม่มีสิทธิในสินทรัพย์ซึ่งจะจำกัดกิจกรรมทางธุรกิจในบางภูมิภาคของโลก ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ธุรกิจครอบครัวจะต้องสามารถระบุความสามารถในการแข่งขัน วิธีการกำกับดูแลกิจการ รวมถึงมีเป้าหมายที่ชัดเจน

การวางแผนอนาคต สำหรับธุรกิจครอบครัว

 

การปลูกต้นไม้ที่ถูกต้อง : การวางแผนระยะยาว

หากเปรียบกับต้นไม้ ถ้าต้องการที่จะกินแอปเปิลในอีก 20 ปีข้างหน้าก็ต้องปลูกต้นแอปเปิลในวันนี้ ไม่ใช่ต้นไม้ชนิดอื่น เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ที่คุณต้องการสำหรับธุรกิจครอบครัว เมื่อระบุสินทรัพย์ของครอบครัวและอุปสรรคแล้ว ก็จำเป็นต้องทำแผนที่เส้นทางที่ถูกต้องในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยต้องเลือกโครงสร้างความเป็นเจ้า การมีส่วนร่วมของครอบครัวและโครงสร้างการจัดการที่เหมาะสม หากรู้ว่ามีอุปสรรคจำนวนมากต่อโครงสร้างความเป็นเจ้าของปัจจุบัน คุณต้องวางแผนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นเจ้าของทันที ในทำนองเดียวกันหากสินทรัพย์ของครอบครัวกำลังเสื่อมถอยลง ครอบครัวจะต้องละทิ้งการควบคุมด้านบริหาร โดยทั่วไปคาดการณ์ว่าบริษัทที่สูญเสียสินทรัพย์ของครอบครัวจะหันไปใช้ผู้บริหารจากภายนอกมากขึ้น และบริษัทที่มีอุปสรรคจำนวนมากในวันนี้และในอนาคตจะหาทางเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นเจ้าของให้เหมาะสมมากขึ้น

 

การบ่มเพาะต้นไม้ : เดินหน้าอย่างมืออาชีพ

เมื่อเลือกเส้นทางแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูก ซึ่งกระบวนการบ่มเพาะอาจใช้เวลากว่า 20-30 ปีจะเสร็จสมบูรณ์และธุรกิจครอบครัวหลายแห่งก็ทำเป็นกระบวนการต่อเนื่อง สำหรับการสืบทอดภายในครอบครัวภารกิจคือการบ่มเพาะผู้สืบทอดในครอบครัวและส่งเสริมการกำกับดูแลครอบครัวเพื่อแบ่งและถ่ายโอนทรัพย์สินของครอบครัว โดยมีข้อควรพิจารณาหลายประการ เช่น วัฒนธรรมของประเทศมีผลอย่างไรต่อการวางแผนสืบทอดกิจการ การเลือกผู้สืบทอดที่เหมาะสมจากกลุ่มสมาชิกครอบครัวที่อายุน้อยและวิธีการวางแผนการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้สืบทอดคนใหม่เข้ามารับช่วงกิจการ สำหรับบริษัทที่เลือกมอบหมายการตัดสินใจทางธุรกิจให้กับผู้บริหารที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวนั้น ครอบครัวควรส่งเสริมโครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อจะสนับสนุนผู้บริหารจากภายนอกในการตัดสินใจที่จะสร้างมูลค่าเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท

โดยที่ครอบครัวยังคงรักษาอิทธิพลในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในระดับคณะกรรมการบริษัท แต่ให้มืออาชีพจากภายนอกพัฒนาวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท ซึ่งเจ้าของกิจการและผู้บริหารจากภายนอกจะต้องมีค่านิยมที่สอดคล้องกันด้วย อีกวิธีหนึ่งคือ ธุรกิจครอบครัวบางแห่งมีสินทรัพย์ของครอบครัวที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยให้บริหารบริษัทได้สำเร็จ แต่พวกเขาอาจจำเป็นต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเพื่อเพิ่มทุน ซึ่งทุกครอบครัวควรเข้าใจว่าการขายหุ้นมักจะไม่ง่ายอย่างที่หวังและอาจเพิ่มปัญหาบางประการ เช่น การสูญเสียบริษัท และวิธีสุดท้ายที่ครอบครัวสามารถทำได้คือการออกจากธุรกิจโดยสิ้นเชิง เส้นทางนี้จะถูกเลือกเมื่อครอบครัวไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างมากกับบริษัทอีกต่อไปและในกรณีที่อาจมีปัญหาร้ายแรงรออยู่ข้างหน้า 

 

ที่มา : Bennedsen, Morten. 2014. Mapping the Future for Family Firms. FAMILY BUSINESS. Available: https://knowledge.insead.edu/family-business/mapping-the-future-for-family-firms-3721

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3503 ระหว่างวันที่ 8 - 11  กันยายน 2562