‘นันยาง’แตกไลน์ เจาะตลาดแมส
นันยาง เปิดเกมรุกตลาดรองเท้านักเรียนรับเปิดเทอม ทุ่มงบ 60 ล้านบาท เสริมแกร่งแบรนด์ในเครือ ล่าสุดแตกไลน์แบรนด์น้องใหม่ super star ชูจุดเด่น สินค้าดี ราคาประหยัด เจาะตลาดล่าง
นายจักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้านักเรียน“นันยาง” เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดรองเท้านักเรียนเมืองไทยปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 3% จากมูลค่าตลาดรวม ปัจจุบันตลาดรวมของรองเท้านักเรียนมีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรองเท้าผ้าใบ 60%, รองเท้าหนังดำสำหรับนักเรียนหญิง 35% และรองเท้าอื่นๆ 5% โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างความหลากหลายของสินค้า เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของนักเรียน ผู้ใช้แต่ละช่วงวัยมากขึ้น
“อัตราการเกิดที่ลดน้อยส่งผลต่อจำนวนนักเรียนที่เข้าเรียนใหม่น้อยลงตามไปด้วย ทำให้บริษัทต้องมีการปรับกลยุทธ์ด้วยการแจกเซ็กเมนต์ที่หลากหลายเพื่อเจาะทุกช่วงวัยเรียนมากขึ้น”
ล่าสุดได้เตรียมงบประมาณทางการตลาด 60 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์และการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้แก่สินค้าในบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Nanyang Zafari หรือ Nanyang Sugar เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังได้ส่งแบรนด์น้องใหม่ “ซุปเปอร์ สตาร์” (super star) โดยชูจุดเด่น สินค้าราคาประหยัด คุณภาพดี เน้นเจาะตลาดแมส (ตลาดล่าง) เป็นหลัก ด้วยราคาเริ่มต้นที่249บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่านันยางปกติ 20% เน้นจำหน่ายในช่องทางเทรดิชันนัลเทรด ร้านค้าทั่วไปเป็นหลัก โดยไม่มีการทำกิจกรรมทางการตลาดแต่อย่างใดเเต่จะให้ความสำคัญกับราคาที่ถูก โดยตั้งเป้าในปีนี้อยู่ที่ 5 หมื่นคู่
“แม้แบรนด์ซุปเปอร์สตาร์ จะเน้นเรื่องราคาถูกเป็นสำคัญแต่ทว่าด้านการผลิตนั้น ได้ใช้หลักการ Zero-Waste คือการนำยางพารา 100% ที่เหลือจากกระบวนการผลิตรองเท้านันยาง นำมาทำ Reprocess ทำให้วัตถุดิบ (ส่วนพื้น) คุณภาพดีมากและลดการสร้างขยะออกจากโรงงาน”
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 5-7% จากปีที่ผ่านมา โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตจากปี 2560 กว่า 10% ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 7% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 43% ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากกระแสการตอบรับที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงความเชื่อมั่นที่มีเพิ่มสูงขึ้น ครอบคลุมทั้งสินค้าในหลากหลายกลุ่ม ขณะที่การขยายสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และมีสัดส่วนอยู่ 15% โดยวางเป้าหมายช่วง 3-5 ปีนับจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 20-25%
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3465 ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2562
