เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง เหตุผู้นำเข้า-ส่งออกซื้อขายช่วงสั้น

ธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เปิดตลาดเช้าวันนี้ (9 ม.ค.) ที่ระดับ 32.01 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจาก 32.08 บาท ช่วงสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมาสดใส ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ บวกขึ้นได้ 0.97% พร้อมกับดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรป ที่ปรับตัวขึ้น 0.70% นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน ล่าสุด น้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 58.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้น 2.23% จากวันก่อน ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 2.72% สนับสนุนมุมมองตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง (Risk On) ในช่วงสั้น

แม้ตลาดทุนจะฟื้นตัวแล้ว แต่เศรษฐกิจโลกปัจจุบันดูจะเริ่มเข้าสู่ขาลง ล่าสุด World Bank ทยอยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2561 ลงจากระดับ 3.0% มาที่ 2.9% และชี้ว่า เศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือ จีน คาดว่าจะเติบโตเพียง 6.2% ขณะที่ เศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ คือ ญี่ปุ่น ซึ่งขยายตัวได้ถึง 0.9%

ส่วนของตลาดเงินและตลาดทุน ผู้ค้าส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักกับข่าวระยะสั้นมากกว่าตัวเลขเศรษฐกิจ ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ "เป็นไปได้ด้วยดี" ขณะที่ ตนเองยังคิดที่จะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก สะท้อนภาพการเมืองที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา

จุดที่น่าสนใจของตลาดเงินช่วงนี้ อยู่ที่การปรับตัวสูงขึ้นของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ และบอนด์ยิลด์ไทย เพราะแน่นอนว่า ส่วนต่างของยิลด์ที่สูงขึ้นจะเป็นบวกกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้น เราอาจเห็นว่า ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง เนื่องจากเป็นการซื้อขายของผู้นำเข้าและผู้ส่งออกเป็นหลัก แต่ในอนาคต ทิศทางของราคาน้ำมันและภาพรวมการค้าโลก คือ 2 ปัจจัย ที่จะกำหนดทิศของค่าเงินบาท ก่อนที่การเลือกตั้งจะเข้ามามีบทบาทในช่วงปลายไตรมาสที่ 1

มองกรอบค่าเงินดอลลาร์วันนี้ 31.90-32.10 บาท