Play
SIRI ทุ่ม 3 พันล้านบาท! ซื้อหุ้นคืน 1,486 ล้านหุ้น
บมจ.แสนสิริ ทุ่ม 3,000 ล้านบาท ลุยซื้อหุ้นคืน 1,486 ล้านหุ้น ย้ำ! มั่นใจหุ้น SIRI ปันผลสูงถึง 50% Dividend Yield สูงกว่า 9% เผย การซื้อหุ้นคืนส่งผลดีกับผู้ถือหุ้น รับผลตอบแทนสูงทั้ง ROE และ EPS ด้าน ASP ยังคงประมาณการกำไร ปี 61-62 แนะซื้อให้ราคาเป้าหมาย 1.54 บาท
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นคืน จำนวน 1,486 ล้านหุ้น วงเงินที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน 3,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.07 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นประมาณ 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2561 ถึงวันที่ 10 มิ.ย. 2562 ซึ่งการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้มีผลทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ลดลงจากการซื้อหุ้นคืนจากจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันที่คณะกรรมการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 เท่ากับ 70.89% ของทุนชำระแล้วของบริษัท นอกจากนี้ ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลเท่าเดิม ในขณะที่จำนวนหุ้นลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล และจะทำให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นเช่นกัน
[caption id="attachment_352967" align="aligncenter" width="503"]
วันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI)[/caption]
"การดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ นับเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัท รวมถึงจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น โดยฐานะทางการเงินล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2561 บริษัทมีกำไรสะสมเท่ากับ 9,326.9 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสะสมและมีนโยบายจ่ายปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ และยังสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ ปัจจุบัน (Dividend Yield) คิดเป็น 9.01% ซึ่งนับเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง" นายวันจักร์ กล่าว
ทั้งนี้ แสนสิริยังคงเดินหน้าสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี โดยล่าสุด บริษัทมียอดขาย 44,800 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี Presale Backlog ทั้งในส่วนของแสนสิริและบริษัทร่วมทุน ที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปในอีก 5 ปีข้างหน้า ถึง 60,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) ระบุ SIRI ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินสูงสุด 3,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนประมาณ 1,498 ล้านหุ้น หรือ 10% ของหุ้นจำหน่ายแล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่ 11 ธ.ค. 2561 – 10 มิ.ย. 2562 มองเป็นบวกต่อผู้ถือหุ้นจากจำนวนหุ้นที่ลดลง (ในกรณีซื้อหุ้นคืนได้ทั้งหมด) ทำให้ EPS ปี 2562 เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% จาก 0.15 บาท เป็น 0.17 บาท
ASP ยังคงประมาณการเดิม คาดกำไรปกติ ปี 2561 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท และ 2.28 พันล้านบาท ปี 2562 โดยแนะซื้อที่ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 1.54 บาท มี Upside 17% บวกกับคาดหมาย Dividend Yield 7.6%
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นคืน จำนวน 1,486 ล้านหุ้น วงเงินที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน 3,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.07 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นประมาณ 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2561 ถึงวันที่ 10 มิ.ย. 2562 ซึ่งการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้มีผลทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ลดลงจากการซื้อหุ้นคืนจากจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันที่คณะกรรมการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 เท่ากับ 70.89% ของทุนชำระแล้วของบริษัท นอกจากนี้ ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลเท่าเดิม ในขณะที่จำนวนหุ้นลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล และจะทำให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นเช่นกัน
[caption id="attachment_352967" align="aligncenter" width="503"]
"การดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ นับเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัท รวมถึงจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น โดยฐานะทางการเงินล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2561 บริษัทมีกำไรสะสมเท่ากับ 9,326.9 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสะสมและมีนโยบายจ่ายปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ และยังสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ ปัจจุบัน (Dividend Yield) คิดเป็น 9.01% ซึ่งนับเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง" นายวันจักร์ กล่าว
ทั้งนี้ แสนสิริยังคงเดินหน้าสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี โดยล่าสุด บริษัทมียอดขาย 44,800 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี Presale Backlog ทั้งในส่วนของแสนสิริและบริษัทร่วมทุน ที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปในอีก 5 ปีข้างหน้า ถึง 60,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) ระบุ SIRI ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินสูงสุด 3,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนประมาณ 1,498 ล้านหุ้น หรือ 10% ของหุ้นจำหน่ายแล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่ 11 ธ.ค. 2561 – 10 มิ.ย. 2562 มองเป็นบวกต่อผู้ถือหุ้นจากจำนวนหุ้นที่ลดลง (ในกรณีซื้อหุ้นคืนได้ทั้งหมด) ทำให้ EPS ปี 2562 เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% จาก 0.15 บาท เป็น 0.17 บาท
ASP ยังคงประมาณการเดิม คาดกำไรปกติ ปี 2561 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท และ 2.28 พันล้านบาท ปี 2562 โดยแนะซื้อที่ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 1.54 บาท มี Upside 17% บวกกับคาดหมาย Dividend Yield 7.6%
