“ธนจิรา” เข้าซื้อกิจการ “HARNN” ปูพรมสู่“Regional Lifestyle Company”

29 ต.ค. 2561 | 10:34 น.
“ธนจิรา”  ประกาศเข้าซื้อกิจการ “HARNN”(หาญ) แบรนด์สัญชาติไทยชั้นนำระดับโลก หวังสร้างฐานธุรกิจให้เจริญเติบโตในระยะยาวด้วยการตอกย้ำความเป็น “Regional Lifestyle Company”โดยชู 2 จุดแข็งในการบริหารงานด้านการทำการตลาดให้เข้ากับบริบทในแต่ละประเทศ และสร้างจุดขายผ่านการบริการอันเป็นเลิศ หวังเข้าตลาดหลักทรพย์ในปี 2563

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการHARNNในครั้งนี้เป็นการซื้อหุ้น 100% และจะสร้างความชัดเจนให้กับแนวทางการเจริญเติบโตของด้วยการมีแบรนด์เป็นของตนเองที่เข้มแข็งโดยส่งผลให้ “ธนจิรา”ก้าวสู่ความเป็น “Regional Lifestyle Company”แบบเต็มตัวด้วยกลุ่มสินค้าที่บริษัททำการตลาดอยู่แล้วคลอบคลุมตั้งแต่สินค้าประเภทแฟชั่น, ไลฟ์สไตล์, จิวเวลี่,แอคเซสเซอรี่, โฮมแวร์ ขยายสู่พอร์ตสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) อาทิ เครื่องหอม, สปาโปรดักส์, บอดี้แคร์ และสกินแคร์ โดยจำนวนสาขาของแบรนด์ในเครือHARNN และสปามีจุดขายและบริการประมาณ 30 สาขาในประเทศไทย พร้อมทั้งยังมีการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในอีก 16 ประเทศ โดยส่วนมากเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย

“นอกจากการมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทรีเทลชั้นนำของประเทศไทยที่คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจให้เติบโตในระยะยาวแล้วนั้น อีกเป้าหมายของธนจิราคือการขับเคลื่อนบริษัทสู่ระดับภูมิภาคเอเชียโดยการวางจุดยืนเป็นตัวแทนเชิงธุรกิจในการ“Bring Thainess to Regional”เน้นศักยภาพในการสืบสาน“ความเป็นไทย” ผ่านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นอายของมรดกและวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์สู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศ และประเทศต่างๆ ในเอเชีย”

PPG02636

ทั้งนี้เป้าหมายแห่งความสำเร็จของHARNNภายใต้การบริหารของธนจิรา คือการต่อยอดเพิ่มมูลค่าแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในประเทศไทยมากขึ้นรวมทั้งการขยายตลาดสู่ต่างประเทศแบบมาตรฐานเดียวกันทั้งโลกผ่านการวาง2กลยุทธ์หลักดังนี้ เฟส 1:ภายในระยะเวลา 9  – 12เดือนแรกบริษัทฯเน้นสร้าง“Brand Awareness”อย่างต่อเนื่องหรือการรับรู้เรื่องแบรนด์HARNNซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สัญชาติไทยที่สร้างสรรค์สินค้าประเภทสปา อโรมาเธอราพี บอดี้แคร์ และสกินแคร์จากธรรมชาติให้กับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย โดยเน้นนโยบายเชิงรุกด้านการตลาด360 องศา ด้วย Digital Marketing ที่มีประสิทธิภาพ และการบริการหน้าร้านที่เป็นเลิศ พร้อมขยายสาขาเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ด้วยการตกแต่งร้าน (Brand Revamp)ให้มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนและร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นเข้าได้ทั้งกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายใหม่“Affluent Young Women”โดยบริษัทฯเล็งเห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ในการเป็นของขวัญในทุกโอกาสและการที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มสุภาพสตรีรุ่นใหม่

เฟส 2 : ภายในระยะเวลา 12  – 24เดือนบริษัทตั้งเป้าหมายสร้างพันธมิตรใหม่ที่มีศักยภาพสูงในตลาดต่างประเทศทั้งที่มีตัวแทนจำหน่ายเดิมและในประเทศที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายโดยเริ่มจากภูมิภาคเอเชีย อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมจากการเป็นผู้นำเข้าที่ร่วมทำงานกับเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก สะท้อนแนวทางการทำงานในรูปแบบมาตรฐานเดียวทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การวางจำหน่ายสินค้าใหม่ การกำหนดกรอบราคาขาย การตกแต่งร้านการวางกลยุทธ์visual merchandizing และการกำหนดนโยบายการตลาด ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าการส่งออกลดทอนการพึ่งพิงรายได้จากการขายในประเทศ โดยบริษัทมีความหวังจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจากเดิม 20% ในปัจจุบันเป็น 40% ภายใน 2 ปี

PPG02585

ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายธนพงษ์  ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าบริษัทได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม (H&B) เข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มเติม ภายหลังบริษัทเข้าซื้อกิจการของบริษัทดังกล่าวมาด้วยมูลค่า 1,000 ล้านบาท

นาย อภิชัย ผลโกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บจก. ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่าการเข้าซื้อกิจการแบรนด์HARNNในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าซื้อที่คลอบคลุมถึงการได้มาซึ่งรวมสินทรัพย์ทางปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Branding and IP Assets)และเครือข่ายเชิงธุรกิจทั้งหมดของกิจการ รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์HARNNได้แก่HARNN (หาญ),Vuudh(วุฒิ), Tichaa by HARNN (ธิชา บาย หาญ),HARNN Heritage Spa  (หาญ เฮอริเทจสปา)และ Asian Holistic Academy (เอเชี่ยน โฮลิสติก อะคาเดมี)ทั้งนี้ยังหวังผลักดันให้ผลประกอบการรวมของบริษัทฯเติบโตแบบก้าวกระโดดลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากแบรนด์นำเข้าเพียงอย่างเดียวโดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2563แบรนด์HARNNจะทำรายได้ให้กับบริษัทเป็นสัดส่วน 25% จากรายได้รวมที่ 2,250 ล้านบาท พร้อมนำ“ธนจิรา” ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563