‘รามายณะ’มุ่งเบอร์ 1 สวนนํ้าเอเชีย ผนึกพันธมิตรขยายฐานลูกค้าต่างชาติ
สวนนํ้ารามายณะ ตั้งเป้าปี 2562 ขึ้นแท่นอันดับ 1 สวนนํ้าที่ดีที่สุดในเอเชีย จากการจัดอันดับของ Trip Advisor ผนึกททท.รวมถึงพันธมิตร เดินหน้าขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ชูจุดเด่นสวนนํ้าใหญ่สุดในไทย รองรับได้สูงสุด 7,500 คน ทั้งยังกันพื้นที่อีก 30 ไร่ สำหรับการขยายเครื่องเล่นเพิ่มเติมรับดีมานด์ ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายสแตน บาดิคา ผู้บริหารสูงสุดสวนนํ้ารามายณะ เปิดเผยว่า สวนนํ้ารามายณะ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2562 จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จากการจัดอันดับของ Trip Advisor จากปัจจุบันสวนนํ้ารามายณะ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสวนนํ้าอันดับ 1 ที่ดีที่สุดในประเทศไทย อันดับ 2 ในเอเชีย และอันดับ 12 ในระดับโลกในปี 2561 และรามายาณะ ยังเป็นสวนนํ้าและ Attraction Park แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี
ทั้งนี้ปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการเปิดสวนนํ้ารามายณะ ซึ่งในแง่ของการดำเนินธุรกิจก็มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น ทั้งการทำตลาดในต่างประเทศและในประเทศ โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้าจากตลาดต่างประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีน อินเดีย ฯลฯ ทั้งยังมีแผนจะเพิ่มความถี่ในการเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาทิ การร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตรอื่นๆ ขณะเดียวกันก็มีแผนรุกตลาดในประเทศให้มากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ในอนาคตสวนนํ้ารามายณะ ก็มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มในส่วนของอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงสรรค์สร้างกิจกรรมให้สามารถรองรับทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวให้ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสวนนํ้ารามายณะ ได้เตรียมปรับแผนให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและททท. ที่มีเป้าหมายให้พัทยา เป็นแฟมิลีเดสติเนชัน
อีกทั้งได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกลุ่มองค์กร, กรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มครอบครัวให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกลุ่มบริษัทต่างๆ นั้นทางสวนนํ้าสามารถ รองรับได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพื้นที่ของสวนนํ้ารามายณะสามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้กว่า 7,500 คน และมีฟังก์ชันที่สามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและ ลูกค้ารายใหญ่ได้เป็นอย่างดี
การลงทุนสร้างสวนนํ้ารามายณะที่ผ่านมาลงทุน ไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท ในการก่อสร้าง และอีก 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหารจัดระบบกรองนํ้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้นํ้าในสวนนํ้ามีคุณภาพระดับเดียวกับนํ้าดื่ม อีกทั้งทางสวนนํ้ารามายณะยังได้มีการเปิดฝึกอบรมมินิไลฟ์การ์ดสำหรับเด็ก และหลักสูตรไลฟ์การ์ดเต็มรูปแบบสำหรับบุคคลทั่วไป และองค์กรเอกชน โดยได้รับการรับ รองจาก American Association Lifeguard ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากมีเหตุการณ์ถํ้าหลวงฯเกิดขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและประชากรตื่นตัวมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีผู้เข้า มาเรียนหลักสูตรนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ด้านนายโยฮันเนส พัตเตอร์แมน กรรมการบริหารสวนนํ้ารามายณะ พัทยา กล่าวว่า จุดเด่นของสวนนํ้ารามายณะ หากเทียบกับสวนนํ้ามาตรฐานระดับโลกในไทย คือ ขนาดของสวนนํ้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย สามารถรองรับคนได้สูงสุดถึง 7,500 คนต่อวัน ซึ่งใหญ่เป็น 3 เท่าตัวหากเทียบกับสวนนํ้าระดับมาตรฐานอื่นๆ ในไทย รวมถึงมีเครื่องเล่นและสไลเดอร์ถึง 21 ชนิด และหลากหลายมากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยพื้นที่ของสวนนํ้ามีทั้งหมด 100 ไร่ ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 70 ไร่ ยังเหลืออีก 30 ไร่ ที่สามารถ ขยายในอนาคต
ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดจะขยายผ่านดิจิตอล ออนไลน์ให้มากขึ้น อีกทั้งด้วยความที่ขนาดสวนนํ้ามีพื้นที่มากถึง 3 เท่า นอกจากจะรองรับนักท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ก็ยังจะเน้นเจาะกลุ่มคอร์ปอเรต เพื่อเป็นการผสมผสานตลาด ซึ่งที่ผ่านมาทางสวนนํ้าเคยให้บริการ รองรับพนักงาน ของปตท.ที่เข้ามาเที่ยวในสวนนํ้ากว่า 4,500 คนมาแล้ว ขณะที่กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะต่างชาติ จะเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นสำคัญ
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3412 ระหว่างวันที่ 25 - 27 ตุลาคม 2561
นายสแตน บาดิคา ผู้บริหารสูงสุดสวนนํ้ารามายณะ เปิดเผยว่า สวนนํ้ารามายณะ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2562 จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จากการจัดอันดับของ Trip Advisor จากปัจจุบันสวนนํ้ารามายณะ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสวนนํ้าอันดับ 1 ที่ดีที่สุดในประเทศไทย อันดับ 2 ในเอเชีย และอันดับ 12 ในระดับโลกในปี 2561 และรามายาณะ ยังเป็นสวนนํ้าและ Attraction Park แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี
ทั้งนี้ปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการเปิดสวนนํ้ารามายณะ ซึ่งในแง่ของการดำเนินธุรกิจก็มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น ทั้งการทำตลาดในต่างประเทศและในประเทศ โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้าจากตลาดต่างประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีน อินเดีย ฯลฯ ทั้งยังมีแผนจะเพิ่มความถี่ในการเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาทิ การร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตรอื่นๆ ขณะเดียวกันก็มีแผนรุกตลาดในประเทศให้มากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ในอนาคตสวนนํ้ารามายณะ ก็มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มในส่วนของอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงสรรค์สร้างกิจกรรมให้สามารถรองรับทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวให้ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสวนนํ้ารามายณะ ได้เตรียมปรับแผนให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและททท. ที่มีเป้าหมายให้พัทยา เป็นแฟมิลีเดสติเนชัน
อีกทั้งได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกลุ่มองค์กร, กรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มครอบครัวให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกลุ่มบริษัทต่างๆ นั้นทางสวนนํ้าสามารถ รองรับได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพื้นที่ของสวนนํ้ารามายณะสามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้กว่า 7,500 คน และมีฟังก์ชันที่สามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและ ลูกค้ารายใหญ่ได้เป็นอย่างดี
การลงทุนสร้างสวนนํ้ารามายณะที่ผ่านมาลงทุน ไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท ในการก่อสร้าง และอีก 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหารจัดระบบกรองนํ้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้นํ้าในสวนนํ้ามีคุณภาพระดับเดียวกับนํ้าดื่ม อีกทั้งทางสวนนํ้ารามายณะยังได้มีการเปิดฝึกอบรมมินิไลฟ์การ์ดสำหรับเด็ก และหลักสูตรไลฟ์การ์ดเต็มรูปแบบสำหรับบุคคลทั่วไป และองค์กรเอกชน โดยได้รับการรับ รองจาก American Association Lifeguard ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากมีเหตุการณ์ถํ้าหลวงฯเกิดขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและประชากรตื่นตัวมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีผู้เข้า มาเรียนหลักสูตรนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ด้านนายโยฮันเนส พัตเตอร์แมน กรรมการบริหารสวนนํ้ารามายณะ พัทยา กล่าวว่า จุดเด่นของสวนนํ้ารามายณะ หากเทียบกับสวนนํ้ามาตรฐานระดับโลกในไทย คือ ขนาดของสวนนํ้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย สามารถรองรับคนได้สูงสุดถึง 7,500 คนต่อวัน ซึ่งใหญ่เป็น 3 เท่าตัวหากเทียบกับสวนนํ้าระดับมาตรฐานอื่นๆ ในไทย รวมถึงมีเครื่องเล่นและสไลเดอร์ถึง 21 ชนิด และหลากหลายมากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยพื้นที่ของสวนนํ้ามีทั้งหมด 100 ไร่ ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 70 ไร่ ยังเหลืออีก 30 ไร่ ที่สามารถ ขยายในอนาคต
ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดจะขยายผ่านดิจิตอล ออนไลน์ให้มากขึ้น อีกทั้งด้วยความที่ขนาดสวนนํ้ามีพื้นที่มากถึง 3 เท่า นอกจากจะรองรับนักท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ก็ยังจะเน้นเจาะกลุ่มคอร์ปอเรต เพื่อเป็นการผสมผสานตลาด ซึ่งที่ผ่านมาทางสวนนํ้าเคยให้บริการ รองรับพนักงาน ของปตท.ที่เข้ามาเที่ยวในสวนนํ้ากว่า 4,500 คนมาแล้ว ขณะที่กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะต่างชาติ จะเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นสำคัญ
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3412 ระหว่างวันที่ 25 - 27 ตุลาคม 2561
