พณ. เร่งช่วยเกษตรกรสวนปาล์ม ตั้งเป้าส่งออก "น้ำมันปาล์มดิบ" ระบาย 3 แสนตัน ภายใน 3 เดือน

17 ต.ค. 2561 | 08:15 น.
พาณิชย์เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม หลังราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เร่งระบายน้ำมันปาล์มดิบ โดยเฉพาะการส่งออกไปต่างประเทศ "ตะวันออกกลาง อินเดีย ยุโรป" เป้าหมายให้ได้ 3 แสนตัน ภายใน 3 เดือนนี้ พร้อมเตรียมเสนอผลักดันการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เพื่อเพิ่มช่องทางรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ เสนอคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดในสัปดาห์หน้า

 

[caption id="attachment_334133" align="aligncenter" width="503"] วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน[/caption]

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2561 เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปี 2561 โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยเร่งรัดผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 300,000 ตัน เพื่อลดสต็อกน้ำมันปาล์มให้เข้าสู่ระดับปกติและช่วยรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยให้เสนอขอใช้งบประมาณจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 525 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้จัดทำโครงการเร่งรัดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ เสนอสำนักงบประมาณ เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบการใช้เงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 525 ล้านบาท เพื่อผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 300,000 ตัน ตามมติ กนป. ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติงบกลาง โดยจะส่งออกไปในตลาดตะวันออกกลาง อินเดีย ยุโรป

ในเบื้องต้น มีการผลักดันส่งออกได้น้อยอยู่ เฉลี่ยเพียงเดือนละ 10,000 ตัน เพราะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติงบกลาง คาดว่าจะได้รับอนุมัติในเร็ว ๆ นี้ หรือหากทันภายในเดือน ต.ค. นี้ ก็สามารถเร่งผลักดันส่งออกได้ทันที ตั้งแต่เดือน พ.ย. เพื่อมาช่วยเหลือทั้งค่าขนส่งและปรับปรุงน้ำปาล์มให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อลดสต็อกน้ำมันปาล์มที่มีประมาณอยู่ 3.5แสนตัน - 3.8 แสนตัน ซึ่งหากทำได้ภายใน 3 เดือน จะทำให้สต็อกน้ำมันปาล์มลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง ลงมาอยู่ในระดับปกติไม่เกิน 2.5 แสนตัน ทั้งนี้ ปริมาณผลผลิตปาล์มดิบในปีนี้เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณผลปาล์มดิบ 15.4 ล้านตัน และมีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 2.8 แสนตัน ในขณะที่ ปี 2560 มีปริมาณ 14.2 ล้านตัน มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 2.5 แสนตัน


Oil-Palm

ทั้งนี้ ยอมรับว่าราคาผลปาล์มหลายพื้นที่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท จากต้นทุนที่สูง 3.10-3.80 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาเฉลี่ย ณ วันนี้ ประมาณ 2.90-3.40 บาทต่อกิโลกรัม แต่ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์น้ำมัน เพราะตามมาตรฐานต้องได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 18% ซึ่งหากเกษตรกรตัดผลอ่อน เปอร์เซ็นต์น้ำมันจะไม่ได้ตามมาตรฐาน ราคาขายก็จะลดลงตาม ซึ่งจากปัญหาราคาผลปาล์มที่ตกต่ำนั้นย้ำว่ามีผลต่อเนื่องมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกด้วยที่ขณะนี้เฉลี่ยเพียง 18-19 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมสูงถึง 28-29 บาท ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน

นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า กรมการค้าภายในได้เตรียมแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร โดยผลักดันให้มีการเร่งใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ในรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ ให้เพิ่มขึ้นโดยด่วน รวมทั้งเสนอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณามาตรการจูงใจให้มีการพัฒนารถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก ให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ได้ เพื่อขยายช่องทางรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มน้ำมันให้แก่เกษตรกรในระยะยาว ซึ่งจะนำเสนอคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาต่อไป


พณ1

สำหรับการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในระดับพื้นที่ ได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และชุมพร พิจารณาแนวทางบริหารจัดการในรูปแบบของการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล เพื่อกำกับและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในพื้นที่ และจัดทำข้อตกลง (MOU) การซื้อขายผลปาล์มคุณภาพระหว่างเกษตรกรกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ตามรูปแบบของ จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลให้จังหวัดใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการการผลิตการตลาดสินค้าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในระดับพื้นที่ ให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการขับเคลื่อน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการพืชเกษตรสำคัญตลอดห่วงโซ่การผลิต

ส่วนกรณีการประกาศมาตรฐานโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความเห็นสนับสนุนร่างประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง : กำหนดวัตถุดิบและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม (โรง A ต้องสกัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 18% และโรง B ต้องสกัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 30%) เพื่อผลักดันให้มีการบังคับใช้โดยเร็ว ตามความเห็นของสภาเกษตรกรแห่งชาติและเกษตรกรส่วนใหญ่อีกด้วย

นอกจากนี้ ในวันที่ 18 ต.ค. นี้ กรมจะมีการประชุมพืชน้ำมัน ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน โดยจะมีการหารือเรื่องสถานการณ์มะพร้าวด้วย


e-book-1-503x62

090861-1927-9-335x503-3