บทวิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2561 โดยบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
คำแนะนำ
มีแนวโน้มที่ราคาจะทดสอบแนวต้าน 1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,183-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หากราคาทองคำยืนเหนือ 1,188 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปในบริเวณ 1,197-1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์(แนว 1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นแนวต้านระยะสั้น) อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถยืนเหนือ 1,188 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะอ่อนตัวลงสู่แนวรับซึ่งอยู่ที่ 1,183-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ 1,180 1,171 1,160
แนวต้าน 1,197 1,208 1,214
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ขานรับการเปิดเผยดัชนี PPI พื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 0.4%ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.และอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ก่อนที่ดอลลาร์จะอ่อนตัวลงในเวลาต่อมาหลังปอนด์และยูโรแข็งค่าจากความหวังว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับ EU ได้ส่งผลให้ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนเพิ่ม หลังดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงถึง 831.83 จุด หรือ -3.15% และ ดัชนี S&P 500 ร่วง 94.66 จุด หรือ -3.29% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของเฮอร์ริเคนไมเคิลและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนกู้ยืมของบริษัทเอกชนปรับตัวขึ้นและอาจส่งผลต่อผลกำไรของบริษัท สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้แม้จะได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐก็ตาม ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มวานนี้ +8.82 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ของสหรัฐ
ที่มา : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด