Play
ทริปเปิ้ล-เอสขยายฐานตลาดล่าง เพิ่มนวัตกรรมเสื้อแข่งไร้ตะเข็บ
“ทริปเปิ้ล-เอส โออีเอ็ม” เล็งขยายฐานลูกค้าสู่ระดับล่าง หลังตลาดมีการแข่งขันสูง พร้อมลงทุนเพิ่มเครื่องจักรจับนวัตกรรมความร้อนผลิตชุดไร้ตะเข็บเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ หวังรักษารายได้ 12 ล้านบาทต่อปี
นายจักรี ทะสี ประธานกรรมการ บริษัท ทริปเปิ้ล-เอส โออีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแข่งจักรยานแบรนด์ “ทริปเปิ้ล-เอส” (TRIPLE-S) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ามาสู่กลุ่มระดับล่างมากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะเป็นระดับกลางไปจนถึงบน เนื่องจากมองว่าตลาดมีการแข่งขันสูง และสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก โดยจะใช้ผ้าที่ผลิตในไทยมาทำเป็นชุดแข่ง แต่เป็นผ้าที่คัดสรรคุณภาพมาแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เห็นได้จากการเปิดตัวไปได้ระยะหนึ่งมียอดคำสั่งซื้อเข้ามากว่า 30-40 ราย
นอกจากนี้ บริษัทยังจะลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาชุดแข่งไปอีกขั้นหนึ่ง โดยจะไม่ใช้กระบวนการตัดเย็บ แต่จะเป็นการใช้เทคโนโลยีความร้อนมาทับเพื่อทำให้ผ้าติดกันเป็นเนื้อเดียว ซึ่งจะทำให้ชุดไม่มีตะเข็บ ชุดแข่งจะเรียบร้อยขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง อีกทั้ง ยังจะเสาะหาช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมในรูปแบบของช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
“แม้ว่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นงานที่เจาะตลาดระดับกลางแต่เรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์แบรนด์ทริปเปิ้ล-เอสแล้วนั้น เทียบเท่ากับเกรดระดับบนที่ผลิตจากต่างประเทศ เรามีโรงงานที่สร้างขึ้นมาเอง ทำเองทุกขั้นตอน มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกตั้งแต่ราคา 650-1,800 บาท ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามงบประมาณ”
ทั้งนี้ จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับรายได้ที่ประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 12 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากด้วยสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก การรักษาระดับรายได้ให้ได้เท่าปีที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษารายได้ของบริษัท ก็จะพยายามมุ่งเน้นไปที่การชำระหนี้สินเชื่อของบริษัทให้หมด เพื่อให้บริษัทมีผลตอบแทนที่เป็นกำไรมากขึ้น
“ปัจจุบันมีคู่แข่งที่หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดปั่นจักรยานกันมากขึ้น เมื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่แตกต่างกัน หากเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตนเอง ส่วนใหญ่จะสู้ไม่ไหว ผู้ที่อยู่ได้คือกลุ่มที่เป็นโรงงานผลิต แต่ตนมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจว่าจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อฉีกหนีคู่แข่ง และทำให้แบรนด์มีพื้นที่ทางการตลาดมากขึ้น”
นายจักรี กล่าวอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ทริปเปิ้ล-เอส คือเนื้อผ้าที่ใส่สบาย นุ่ม ไม่มีกลิ่นอับ ไม่ยาน และไม่ย้วย ใช้สีของแท้จากเอปสัน (Epson) ขณะที่เครื่องจักรในการตัดเย็บก็มีการปรับแต่งให้มีความละเอียดสูงสุด วัตถุดิบในการตัดเย็บทุกอย่างเป็นของที่ดีที่สุด ด้วยรสนิยมส่วนตัวที่ชอบของดีมีคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเมื่อได้สวมใส่
“หลักคิดในการทำธุรกิจนั้น ตนเลือกที่จะไม่หลอกลูกค้า และหลอกตัวเอง เพราะก่อนที่จะหลอกลูกค้าได้เราต้องหลอกตัวเองก่อนว่านี่คือของดี ตนจบทางด้านดีไซเนอร์เรื่องการออกแบบ และมีความฝันที่จะขายผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก หากยังหลอกคนอื่นแบรนด์จะดังได้อย่างไร ตนจะไม่ประชาสัมพันธ์ว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีอย่างไร แต่จะให้ลูกค้าได้เป็นผู้ทดลองเอง โดยให้งานขายตัวของมันเอง”
อนึ่ง แบรนด์ “ทริปเปิ้ล-เอส” เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการปั่นจักรยานของ “จักรี” จนวันหนึ่งชีวิตพลิกผันจากการรับงานสั่งชุดแข่งให้กับผู้ใหญ่ที่เคารพ แล้วปรากฏว่าชุดที่ได้มาไม่ได้ตามสเปกที่ต้องการ ทำให้มองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีคู่แข่งมากนัก จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ และก่อตั้งบริษัทได้ในปี 2559 โดยมีงานทั้งที่ผลิตจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเอง และรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อนำไปทำแบรนด์จากลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3384 วันที่ 19-21 กรกฎาคม 2561
นายจักรี ทะสี ประธานกรรมการ บริษัท ทริปเปิ้ล-เอส โออีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแข่งจักรยานแบรนด์ “ทริปเปิ้ล-เอส” (TRIPLE-S) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ามาสู่กลุ่มระดับล่างมากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะเป็นระดับกลางไปจนถึงบน เนื่องจากมองว่าตลาดมีการแข่งขันสูง และสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก โดยจะใช้ผ้าที่ผลิตในไทยมาทำเป็นชุดแข่ง แต่เป็นผ้าที่คัดสรรคุณภาพมาแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เห็นได้จากการเปิดตัวไปได้ระยะหนึ่งมียอดคำสั่งซื้อเข้ามากว่า 30-40 ราย
นอกจากนี้ บริษัทยังจะลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาชุดแข่งไปอีกขั้นหนึ่ง โดยจะไม่ใช้กระบวนการตัดเย็บ แต่จะเป็นการใช้เทคโนโลยีความร้อนมาทับเพื่อทำให้ผ้าติดกันเป็นเนื้อเดียว ซึ่งจะทำให้ชุดไม่มีตะเข็บ ชุดแข่งจะเรียบร้อยขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง อีกทั้ง ยังจะเสาะหาช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมในรูปแบบของช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
“แม้ว่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นงานที่เจาะตลาดระดับกลางแต่เรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์แบรนด์ทริปเปิ้ล-เอสแล้วนั้น เทียบเท่ากับเกรดระดับบนที่ผลิตจากต่างประเทศ เรามีโรงงานที่สร้างขึ้นมาเอง ทำเองทุกขั้นตอน มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกตั้งแต่ราคา 650-1,800 บาท ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามงบประมาณ”
ทั้งนี้ จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับรายได้ที่ประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 12 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากด้วยสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก การรักษาระดับรายได้ให้ได้เท่าปีที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษารายได้ของบริษัท ก็จะพยายามมุ่งเน้นไปที่การชำระหนี้สินเชื่อของบริษัทให้หมด เพื่อให้บริษัทมีผลตอบแทนที่เป็นกำไรมากขึ้น
“ปัจจุบันมีคู่แข่งที่หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดปั่นจักรยานกันมากขึ้น เมื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่แตกต่างกัน หากเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตนเอง ส่วนใหญ่จะสู้ไม่ไหว ผู้ที่อยู่ได้คือกลุ่มที่เป็นโรงงานผลิต แต่ตนมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจว่าจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อฉีกหนีคู่แข่ง และทำให้แบรนด์มีพื้นที่ทางการตลาดมากขึ้น”
นายจักรี กล่าวอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ทริปเปิ้ล-เอส คือเนื้อผ้าที่ใส่สบาย นุ่ม ไม่มีกลิ่นอับ ไม่ยาน และไม่ย้วย ใช้สีของแท้จากเอปสัน (Epson) ขณะที่เครื่องจักรในการตัดเย็บก็มีการปรับแต่งให้มีความละเอียดสูงสุด วัตถุดิบในการตัดเย็บทุกอย่างเป็นของที่ดีที่สุด ด้วยรสนิยมส่วนตัวที่ชอบของดีมีคุณภาพ ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเมื่อได้สวมใส่
“หลักคิดในการทำธุรกิจนั้น ตนเลือกที่จะไม่หลอกลูกค้า และหลอกตัวเอง เพราะก่อนที่จะหลอกลูกค้าได้เราต้องหลอกตัวเองก่อนว่านี่คือของดี ตนจบทางด้านดีไซเนอร์เรื่องการออกแบบ และมีความฝันที่จะขายผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก หากยังหลอกคนอื่นแบรนด์จะดังได้อย่างไร ตนจะไม่ประชาสัมพันธ์ว่าผลิตภัณฑ์ของเราดีอย่างไร แต่จะให้ลูกค้าได้เป็นผู้ทดลองเอง โดยให้งานขายตัวของมันเอง”
อนึ่ง แบรนด์ “ทริปเปิ้ล-เอส” เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการปั่นจักรยานของ “จักรี” จนวันหนึ่งชีวิตพลิกผันจากการรับงานสั่งชุดแข่งให้กับผู้ใหญ่ที่เคารพ แล้วปรากฏว่าชุดที่ได้มาไม่ได้ตามสเปกที่ต้องการ ทำให้มองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีคู่แข่งมากนัก จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ และก่อตั้งบริษัทได้ในปี 2559 โดยมีงานทั้งที่ผลิตจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเอง และรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อนำไปทำแบรนด์จากลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3384 วันที่ 19-21 กรกฎาคม 2561
