นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการแปลงใหญ่สับปะรด ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประเทศประมาณปีละ 2.3 หมื่นล้านบาท สำหรับภาคการเกษตร สับปะรดที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เป็นแหล่งรองรับผลผลิตของเกษตรกรปีละ 1.80 - 2.00 ล้านตันของผลผลิตทั้งหมด
ปัจจุบัน สัดส่วนของสับปะรดทั้งประเทศ แบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม คิดเป็น 70% ของผลผลิตรวมทั้งประเทศ เช่น น้ำสับปะรด หรือ สับปะรดกระป๋อง ซึ่งจะต้องใช้พันธุ์ปัตตาเวียเท่านั้น เนื่องจากมีความเหมาะสมของสายพันธุ์
นอกจากนี้ อีก 30% จะใช้สำหรับการบริโภคผลสด เช่น พันธุ์ตราดสีทอง , ห้วยมุ่น , ภูแล ฯลฯ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ใช้ระบบแปลงใหญ่เข้ามาบริหารจัดการ โดยเน้นเป้าหมาย 5 ด้าน ทั้งการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต การตลาด และการบริหารจัดการ โดยมีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เป็นแกนหลักในการอบรมและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เกษตรกร
สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ พบว่า ศพก. ของเกษตรกรต้นแบบ นายวิสูตร วิทยานันท์ และเป็นประธานแปลงใหญ่สับปะรด ลดต้นทุนการผลิต โดยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน สามารถทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง 11% ต้นทุนการผลิต จาก 4.65 บาท/กก เป็น 4.14 บาท/กก เช่น การเพิ่มผลผลิต มีการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้หน่อพันธุ์ มีการให้น้ำด้วยวิธีการรถบรรทุกฉีดพ่นน้ำและระบบสปิงเกอร์ ทำให้ผลผลิตเพิ่ม 22.58% ผลผลิตเพิ่ม 6.20 ตัน/ไร่ เป็น 7.60 ตัน/ไร่ การเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยการสร้างมาตรฐาน ซึ่งเกษตรกรได้รับมาตรฐานครบทุกคนแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีโรงคัดบรรจุภัณฑ์และแปรรูปสับปะรด และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการแปรรูปผลผลิตเป็นสับปะรดกวน (ภายใต้โครงการเกษตรยั่งยืน 1)
นอกจากนี้ ด้านการตลาด ยังมีการทำสัญญาซื้อขายสับปะรด กับ บริษัท สยามแมคโคร จำกัด จำนวน 2,000 ผล/สัปดาห์ สูงกว่าราคาตลาด 2 – 3 บาท/กิโลกรัม และได้ทำสัญญาซื้อขายสับปะรดผลสดกับ บริษัท ทิปโก้ ไพน์แอปเปิ้ล จำกัด จำหน่ายผลผลิตโรงงานแปรรูปสับปะรดในพื้นที่ เช่น บริษัท กุยบุรีผลไม้กระป๋อง จำกัด รวมทั้งการบริหารจัดการการผลิต เกษตรกรแปลงใหญ่ยังสามารถวางแผนการผลิตร่วมกันให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวจนถึงการเก็บเกี่ยวการใช้ปัจจัยการผลิตร่วมกัน ส่งผลให้มีอำนาจในการต่อรองสามารถซื้อปัจจัยการผลิตได้ในราคาที่ถูก รวมทั้งการขอสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผลิตปุ๋ยใช้เอง
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า เชิญชวนเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และแจ้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากภาครัฐ นอกจากนี้ เกษตรกรควรวางแผนในการบริหารจัดการสับปะรด ตั้งแต่กระบวนการผลิตด้วยการบังคับการออกดอก จะทำให้เกิดการกระจายตัวผลผลิตอย่างสม่ำเสมอ และหากพื้นที่ปลูกสับปะรด ห่างโรงงานเกิน 100 กม. แนะนำให้ปลูกสับปะรดผลสด ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนค่าขนส่งได้
……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
ปตท. ช่วย “เกษตรกรไทย” จำหน่ายสับปะรดช่วงราคาตก
●
ธ.ก.ส.หนุนสกต.-SMAEsช่วยเกษตรกรเร่งระบายสับปะรด