หลังจากแอคคอร์ โฮเทล เชนโรงแรมจากฝรั่งเศส ได้ซื้อแบรนด์โรงแรม ราฟเฟิลส์, แฟร์มองต์ และ สวิสโซเทล ในเครือเอฟอาร์เอชไอ เมื่อปี 2559 เพื่อขยายโรงแรมระดับลักชัวรีแถวหน้าของโลก เข้ามารวมอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของแอคคอร์
ล่าสุดในปีนี้ ยังได้ซื้อเชนเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ดีลที่เกิดขึ้นจะทำให้แอคคอร์มีความแข็งแกร่งในแถบยุโรปและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น และทิศทางการดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นายแพทริค บาสเซ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารแอคคอร์โฮเทลประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและมัลดีฟส์
*1.9หมื่นล.ซื้อเมอเวนพิค
แอคคอร์โฮเทลได้ประกาศลงนามในข้อตกลงกับบริษัท เมอเวนพิค โฮล ดิ้งฯ และคิงดอม โฮลดิ้ง (Kingdom Holding) เพื่อเข้าซื้อเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ด้วยเงินสดจำนวน 560 ล้านฟรังก์สวิส (หรือประมาณ 19,280 ล้านบาท) โดยข้อตกลงในการซื้อขายครั้งนี้จะช่วยให้แอคคอร์ โฮเทล ก้าวขึ้นสู่การเป็นเครือโรงแรมระดับแถวหน้า พร้อมขยายฐานธุรกิจในแถบทวีปยุโรป
ธุรกรรมครั้งนี้หมายถึงมูลค่ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจ่าย (EBITDA) ที่เพิ่มขึ้น 14.9 เท่า ในปี 2562 โดยประมาณ ก่อนการผนึกกำลังเข้าด้วยกัน (รวมต้นทุนของธุรกรรม) และจะมี EBITDA น้อยกว่า 10 เท่าในปี 2562 โดยประมาณ หลังจากดำเนินธุรกิจที่ผนึกกำลังเข้าด้วยกันและดำเนินการพัฒนาธุรกิจตามที่ตกลงกันไว้ ธุรกรรมนี้จะส่งช่วยกระตุ้นผลกำไรของกลุ่มบริษัทตั้งแต่ปีแรก
*รุกรร.ทุกเซ็กเมนต์
การซื้อเชนเมอเวนพิค จะทำให้แอคคอร์ โฮเทล พร้อมขยายฐานธุรกิจในแถบทวีปยุโรป ซึ่งแอคคอร์โฮเทล คือ เครือข่ายธุรกิจโรงแรมชั้นนำระดับโลกและผู้นำการใช้ด้านนวัตกรรมดิจิตอลในบริการการโรงแรม จากการนำเสนอประสบการณ์การเข้าพักสุดพิเศษในโรงแรมรีสอร์ตกว่า 4,300 แห่ง และในบ้านพักตากอากาศสุดหรูอีกกว่า 10,000 หลังทั่วโลก แอคคอร์โฮเทลมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจทั้งใน 100 ประเทศ การรับบริหารโรงแรมและการทำโรงแรมระบบแฟรนไชส์ (Hotel Services)
รวมไปถึงการลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการ (Hotel Invest) โดยมีแบรนด์โรงแรมครอบคลุมตั้งแต่ระดับหรูหรา ได้แก่ ราฟเฟิลส์, แฟร์มองต์, โซฟิเทล เลเจนด์, โซ โซฟิเทล, โซฟิเทล, วันฟายน์สเตย์ (onefinestay), เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล, พูลแมน และสวิสโซเทล
อีกทั้งยังมีแบรนด์ระดับกลาง ได้แก่ โนโวเทล เมอร์เคียว,มาม่า เชลเตอร์ (Mama Sheter) และอะดาจิโอ้ รวมถึงแบรนด์ระดับประหยัด ได้แก่ โจแอนด์โจ, ไอบิส, ไอบิส สไตล์, ไอบิส บัดเจ็ทและแบรนด์ประจำภูมิภาค
ได้แก่ แกรนด์ เมอร์เคียว, เดอะ ซีเบล และ โฮเทลเอฟ มีพนักงานจำนวนกว่า 250,000 คน ซึ่งมีพันธกิจร่วมกันที่จะต้อนรับและมอบบริการจากหัวใจให้แก่ลูกค้าในทุกครั้งที่มาเยือนโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล
ในส่วนของเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ก่อตั้งขึ้นในปี 2516 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และดำเนินกิจการในประเทศต่างๆ รวม 27 ประเทศ โดยมีโรงแรมในเครือทั้งสิ้น 84 แห่ง มีห้องพักมากกว่า 20,000 ห้อง นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะในแถบยุโรปและตะวันออกกลาง
*ลูกค้าได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม
การพัฒนาธุรกิจของแอคคอร์โฮเทล ยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้เราทะยานสู่ความเป็นผู้นำในตลาดยุโรป และเร่งการเติบโตของ ธุรกิจในตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความที่แบรนด์เมอเวนพิค เป็นแบรนด์ที่นำเสนอความทันสมัยผสานความโดดเด่นของเสน่ห์ในท้องถิ่นอย่างลงตัว จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะมาร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนด้านการบริการอันสุดแสนประทับใจของเครือแอคคอร์โฮเทล
ทั้งนี้จากการดำเนินการข้างต้นทางเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท จะได้รับประโยชน์จากเครือโรงแรมแอคคอร์โฮเทล โดยเฉพาะในแง่ของโปรแกรมสะสมคะแนนสมาชิกหรือ (Le Club) ช่องทางจัดจำหน่าย และระบบการบริหารงานภายใน โรงแรมด้วย
*เพิ่มรร.ในพอร์ตฯ 42 แห่ง
อีกทั้งการซื้อเชนที่เกิดขึ้น ทำให้การพัฒนาธุรกิจแอคคอร์โฮเทล ยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรก แอคคอร์โฮเทล เปิดโรงแรมใหม่ 61 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 10,000 ห้อง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 ทั้งยังมีโรงแรมอยู่ในระหว่างรอการพัฒนาอีก 870 โรงแรม รวมห้องพัก 153,000 ห้อง โดย 78% อยู่ในกลุ่มตลาดที่กำลังเติบโต และ 51% อยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ขณะเดียวกันทางเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ยังวางแผนจะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 42 แห่ง 11,000 ห้องพัก ภายในปี 2564 เน้นขยายธุรกิจในตะวันออกกลาง แอฟริกาและเอเชีย-แปซิฟิก ส่วนชื่อรายละเอียดโครงการจะแจ้งให้ทราบภายหลังการดำเนินการเสร็จสิ้นและได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
*บริหารโรงแรมไทยเพิ่ม18แห่ง
สำหรับการดำเนินธุรกิจของแอคคอร์ในไทยนั้น ปัจจุบันมีโรงแรมที่เซ็นสัญญารับบริหารไปแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 18 แห่ง รวมห้องพักกว่า 4,450 ห้อง ที่จะเปิดให้บริการในช่วง 4 ปีนี้ ภายใต้แบรนด์โซ โซฟิเทล, เมอร์เคียว, โนโวเทล, ไอบิส, ไอบิส สไตล์ โดยภายในปีนี้ จะเปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ โรงแรมไอบิส กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซอย 4 และโรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ รัชดาภิเษก
ส่วนในปี 2562 จะเปิด ให้บริการ 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมไอบิส สไตล์ พัทยา โมดัส, โรงแรมไอบิส สไตล์ เกาะสมุย หาดเฉวง, โรงแรมไอบิส สไตล์ ภูเก็ต ซันทรี และโรงแรมไอบิส สไตล์ สุราษฎร์ ธานี ในปี 2563 เปิดให้บริการ 9 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว เขาหลัก, โรงแรม โซฟิเทล โซ เกาะสมุย, โรงแรมโนโวเทล สวีท กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซอย 34, โรงแรมโนโวเทล ศรีราชา มารีน่า เบย์, โรงแรมเมอร์เคียว กรุงเทพ สุขุมวิท 24 เอราวัณ, เมอร์เคียว ระยอง ลมทะเล รีสอร์ท, ไอบิส กรุงเทพ สุขุมวิท 24 เอราวัณ, ไอบิส สไตล์ ขอนแก่น, ไอบิส สไตล์ ภูเก็ต หาดกมลา และในปี 2564 เปิด 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต ในหาน, เมอร์เคียว พัทยา โมดัส และ ไอบิส สไตล์ อวิสต้า ภูเก็ต ป่าตอง
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3369 ระหว่างวันที่ 27 - 30 พ.ค. 2561