มิตซูบิชิ ชี้ไทยศูนย์กลางเอเชีย เดินตามรอยบริษัทแม่ ชูนวัตกรรม สร้างเอกลักษณ์เฉพาะ มั่นใจตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านส่งสัญญาณฟื้นตัว คาดสิ้นปีโกยยอดขายทะลุ 1.45 หมื่นล้านบาท เติบโต 8-10%
นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายและแผนธุรกิจในปี 2561 มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเทคโนโลยีลํ้าสมัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มโรงงานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ในประเทศไทย โดยบริษัทคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในปีนี้จะมีการเติบโตมากขึ้น จากปัจจัยบวกรอบด้าน ทั้งการเติบโตของ GDP มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนรวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น ดังนั้นเชื่อว่าตลาดจะมีการแข่งขันสูง จากผู้ประกอบการที่นำเสนอกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการพัฒนา การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และแคมเปญโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดขาย
[caption id="attachment_251805" align="aligncenter" width="503"]
ยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด[/caption]
“ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางของเอเชียที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทแม่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) จึงให้ความสำคัญ อีกทั้งในปีนี้เป็นปีที่บริษัทแม่มีวาระครบรอบ 100 ปี ที่เริ่มดำเนินการ และตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมกว่า 5 ล้านล้านเยน จึงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจออกสู่ตลาดโลกมากขึ้นด้วย”สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2560 (1 เมษายน 2560-31 มีนาคม 2561) คาดว่าจะมีรายได้กว่า 1.35 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้หลักจะมาจาก เครื่องปรับอากาศ 60% และอื่นๆ อาทิ ตู้เย็น พัดลม ฯลฯ 40% โดยตลาดเครื่องปรับอากาศในปีที่ผ่านมามียอดขายลดลง 10% จากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งมิตซูบิชิเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่งตลาดราว 30% จากตลาดรวมเครื่องปรับอากาศที่มีมูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาทและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5หมื่นล้านบาทในปีนี้ ขณะที่ตลาดตู้เย็นมีมูลค่า 1.21 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.23 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมจะมีรายได้กว่า 1.45 หมื่นล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 8-10%
ด้านนายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ขณะที่มิตซูบิชิมุ่งสร้างนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างความแตกต่าง โดยในปีนี้จะเห็นการพัฒนาเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ นวัตกรรมประหยัดพลังงาน ช่วยลดค่าไฟ เช่นเครื่องปรับอากาศ JP Series เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์สวยสะดุดตา ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ คุ้มค่าและประหยัดพลังงาน และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ระบบอินเวอร์เตอร์ “PLY Series” ที่มีเทคโนโลยี 3D Move-eye Human Sensor ดีไซน์เรียบหรู เหมาะกับอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นแบบ 4 ประตู รุ่น “LX Grande” ระบบ Neuro Inverter กับเทคโนโลยี Super Cool Chilling และ Easy Clean Auto Ice Maker ระบบทำนํ้าแข็งอัตโนมัติ
กลยุทธ์การทำตลาดบริษัทมุ่งเน้นการตลาดแบบ 360o โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และภาพยนตร์โฆษณา รวมทั้งการตลาดด้าน Digital Marketing เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นการสื่อสารในทุกแพลตฟอร์มเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงมุ่งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียควบคู่ไปกับการบริการหลังการขาย ผ่านระบบดิจิตอล เพื่อเสริมด้านการบริการหน้าร้านหรือผ่านสังคมออนไลน์ เป็นต้น
“การบริการหลังการขายถือเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จ ที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว บริษัท ได้พัฒนาระบบการสื่อสารภายใต้แนวคิด THINK 360o อาทิ พัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรผ่าน Mobile Applicationการสร้างกลุ่มไลน์ช่างเทคนิค(Line@คู่หูช่างแอร์ Mr.SLIM) เพื่อแจ้งข่าวสาร ข้อมูลความรู้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาศูนย์ให้บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้บริษัทใช้งบประมาณด้านการตลาดโฆษณาและส่งเสริมการขายกว่า1,040 ล้านบาท ในการทำแคมเปญการตลาดทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์รวมถึงกลยุทธ์ SportMarketingด้วยการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก “บางกอกกล๊าส เอฟซี” ในฤดูกาล 2561 นี้ด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561