ซัมมิทฯปักธงผู้นำตลาดเช่าซื้อมอไซค์ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 6 พันล้าน

09 ม.ค. 2561 | 10:37 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ม.ค. 2561 | 17:37 น.
ซัมมิท แคปปิตอล หวังขึ้นแท่นผู้นำเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ป้ายแดง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 6 พันล้านบาท ยอดเฉลี่ย 1.2 หมื่นคันต่อเดือน ดันพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมโกยรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท หลังมองตลาดจักรยานยนต์สดใสเติบโต 3% กดหนี้เอ็นพีแอลต่ำ 1% เร่งขยายพนักงานขาย-จับบบมือโชว์รูม

นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเช่าซื้อรถจักรยายนต์ในปี 2561 บริษัทยังมองว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3% หรือ 1.854 ล้านคัน จากปี 2560 มียอดขายอยู่ที่ 1.804 ล้านคัน คิดเป็นการเติบโต 3.78% ซึ่งจากอัตราการเติบโตดังกล่าว บริษัทยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดเช่าซื้อจักรยานยนต์ในแง่รถใหม่ โดยทั้งปีจะตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนสัญญาใหม่เป็น 1.2 หมื่นคันต่อเดือน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นคันต่อเดือน ส่งผลให้ทั้งปีจะมียอดสัญญาใหม่อยู่ที่ 1.2 แสนคัน โดยอัตราการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) อยู่ในระดับสูงที่ 80% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยอยู่ประมาณ 72-73%

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดสินเชื่อรวมเติบโต 26% แบ่งเป็นการเติบโตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ประมาณ 17% และสินเชื่อส่วนบุคคล 102% คาดว่าภายในสิ้นปีจะมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 7,700 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมจากการดำเนินงานตั้งเป้าเติบโต 23% หรือมากกว่า 3,000 ล้านบาท สัดส่วนฐานลูกค้าประมาณ 90% เป็นลูกค้าต่างจังหวัด และที่เหลืออีก 10% เป็นลูกค้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใต้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 1% เนื่องจากลูกค้าคุณภาพ มีพนักงานติดตามหนี้ (Collection) ที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ถึงเป้าหมายการเป็นผู้นำอันดับ 1 ตามที่ตั้งไว้ บริษัทจะเดินตามกลยุทธ์ Becoming Number 1 โดยมุ่งเน้นการขยายเครือข่ายดีลเลอร์และโชว์รูมทั่วประเทศจากปัจจุบันมีอยู่กว่า 2,500 โชว์รูม การขยายเครือข่ายพนักงานขายเพิ่มขึ้น 500 คน ครอบคลุม 33 สาขา จากพนักงานรวมที่มีกว่า 1,000 คน และพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพเพิ่มหลักสูตรการอบรม รวมถึงมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อคัดกรองลูกค้าให้ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อช่วยให้การบริการที่รวดเร็วขึ้น และควบคุมคุณภาพหนี้ และการขยายเครือข่ายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 73 จังหวัด

สำหรับการแข่งขันยังคงรุนแรง โดยจะเน้นความร่วมมือกับดีลเลอร์ และความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อเป็นหลัก ส่วนอัตราดอกเบี้ย ปัจจุบันยังเห็นสัญญาณการแข่งขันอยู่บ้าง แต่จะแตกต่างกันในแต่ละบริษัทและแคมเปญ รวมถึงประเภทรถหรือรุ่น โดยเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กจะอยู่ที่ 1.9% ต่อเดือนขึ้นไป และรถบิ๊กไบค์จะอยู่ที่ 4-5% ต่อปี อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างทดลองการขยายเวลาผ่อนชำระจากเดิมอยู่ที่ 36 งวด เพิ่มเป็น 42 งวด ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี

“ปีที่ผ่านมาเราลงทุนในเรื่องเทคโนโลยไปประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อเป็นช่องทางและเครื่องมือให้บริการลูกค้า และช่วยลดความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ ทำให้หนี้เอ็นพีแอลเราค่อนข้างดีต่ำกว่า 1% ปีนี้เราจะยังคงพัฒนาต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับบุคลากรเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเพิ่มพนักงานขายเป็น 500 คน จากตอนนี้มีอยู่ 400 คน หรือประมาณ 25% โดยตั้งรายยได้รวมต้องไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อมอไซค์ป้ายแดง” ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว