Play
ม.44ป้องกันถูกฟ้อง กพท.แจงไฟต์บังคับสั่งหยุดบินอินเตอร์
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
กพท.แจงคสช.ออกมาตรา 44 สั่ง 12 สายการบินหยุดบินอินเตอร์ เป็นการป้องกันความเสี่ยง หากถูกแอร์ไลน์ฟ้องร้องภายหลัง เหตุจากสายการบินไม่มีข้อบก พร่องมาตรฐานความปลอดภัย แต่ถูกบังคับหยุดบิน รอ ICAO ตรวจซํ้า ชี้วันที่ 27 กันยายนนี้รู้ผลเบื้องต้น มั่นใจปลดธงแดงสำเร็จปลายปีนี้
ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตรา 44 ให้อำนาจกพท. สั่งห้ามบริษัท ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตการเดินอากาศ (AOC) ระงับการเดินอากาศในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 - 31 มกราคม 2561 เป็นสิ่งที่เราต้องการป้องกันความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดขึ้น หากกพท.ถูกสายการบินที่ถูกสั่งห้ามบินระหว่างประเทศ มาฟ้องร้องในภายหลัง
[caption id="attachment_119486" align="aligncenter" width="480"]
นายจุฬา สุขมานพ[/caption]
เนื่องจากอำนาจโดยตรงของกพท.ในการจะสั่งให้สายการบินหยุดทำการบิน สายการบินนั้นๆ ต้องมีปัญหาไม่ปลอดภัย หรือมีข้อบกพร่องในการทำการบินหรือให้บริการ แต่การที่กพท.ขอให้สายการบินที่ยังไม่ได้ AOC ใหม่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศในครั้งนี้ ถือว่าเป็นไฟต์บังคับ
เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบ การแก้ไขข้อบกพร่องด้านการกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของกพท. หรือ ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) ในช่วงวันที่ 20-27 กันยายนนี้ เพื่อปลดธงแดง ตามที่ กพท. ได้ยื่นขอไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2560
“ส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันว่าสายการบินที่ต้องหยุดบินในเส้นทางบินระหว่างประเทศ มีปัญหาเรื่องไม่ผ่านเกณฑ์หรือไม่ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วเราสั่งให้เขาหยุดบิน โดยที่เขาไม่มีความผิดอะไรโดยตรง และสายการบินเหล่านี้ก็มีมาตรฐานรองรับอยู่ แต่การที่กพท.จะต้องดำเนินการออก AOC ใหม่ ตามกระบวนการ AOC- Recertification เป็นพื้นฐานสำคัญในการขอปลดธงแดง”
ทั้งนี้กพท. ถือว่าสายการบินเหล่านี้ได้เสียสละ เพื่อประโยชน์ในภาพรวมที่ประเทศจะได้รับ หากไทยผ่านการตรวจสอบประเมินมาตรฐานและหลุดพ้นจากประเทศที่มีข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ที่ไทยติดอยู่ 33 ข้อในส่วนนี้ ทั้งยังได้ออกมาตรการมาช่วยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น”
อีกทั้งกรณีสายการบินที่ยังไม่ได้รับ AOC ใหม่ เป็นเพราะการตรวจสอบเพื่อออก AOC ใหม่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยสายการบินเหล่านี้เริ่มกระบวนการล่าช้ากว่า 9 สายการบินที่ได้ AOC ใหม่ไปแล้ว ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนบุคลากรที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในระยะเวลาที่ผ่านมา กพท.ไม่สามารถเริ่มดำเนินการกับทุกสายการบินพร้อมกัน และมีการจัดลำดับการตรวจสอบสายการบินตามปริมาณผู้โดยสารที่ขนส่งในปี 2558
ดร.จุฬา กล่าวต่อว่า การห้าม 12 สายการบินหยุดทำการบินระหว่างประเทศ ก็ไม่ได้กระทบกับผู้โดยสารในวงกว้าง เนื่องจากสายการบินเหล่านี้ส่วนใหญ่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำ และกพท.ยังได้แจ้งให้สายการบินได้รับทราบล่วงหน้าแล้ว ซึ่งสายการบินต่างๆ ก็มีการถ่ายโอนผู้โดยสารไปใช้บริการสายการบินอื่นๆ แทนแล้วเป็นบางส่วน
รวมทั้งปัจจุบันกพท.ยังคงดำเนินการตรวจประเมินเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีบางสายที่จะได้รับ AOC ใหม่เพิ่มเติม อย่างสายการบินไทยเวียดเจ็ท ก็จะสามารถให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ทันทีที่ผ่านการตรวจประเมิน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และสายการบินที่ได้รับผลกระทบก็สามารถขอรับการจัดสรรสิทธิการให้บริการภายในประเทศในช่วงเวลาระหว่างนี้ได้
ส่วนการเดินทางมาตรวจซํ้าของ ICAO กพท.มีความพร้อมเต็มที่ในการรับตรวจสอบประเมินจากคณะ ICVM ซึ่งคาดว่าในวันที่ 27 กันยายนนี้ก็จะพอทราบเบื้องต้นไทยจะปลดธงแดงได้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปลดธงแดงได้ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน โดยเรามีความมั่นใจที่จะแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานใหม่ของไทยและความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการบินของประเทศ นายจุฬา กล่าวทิ้งท้าย
รายงานข่าวจากสายการบินไทยเวียดเจ็ท เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินยังคงให้บริการเที่ยวบินในประเทศตามปกติ ในเส้นทาง สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต, สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่, ภูเก็ต-เชียงราย นอกจากนั้นยังได้เพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศโดยพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารในเดือนตุลาคม ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ฮานอย, โฮจิมินห์ และ ไฮฟอง ได้ให้บริการโดยสายการบิน เวียดเจ็ท เวียดนาม และไทยเวียดเจ็ทจะประกาศแผนการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง ทันทีที่ได้รับ AOC ใหม่ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้สายการบินอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจ AOC ใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2560
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตรา 44 ให้อำนาจกพท. สั่งห้ามบริษัท ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตการเดินอากาศ (AOC) ระงับการเดินอากาศในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 - 31 มกราคม 2561 เป็นสิ่งที่เราต้องการป้องกันความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดขึ้น หากกพท.ถูกสายการบินที่ถูกสั่งห้ามบินระหว่างประเทศ มาฟ้องร้องในภายหลัง
[caption id="attachment_119486" align="aligncenter" width="480"]
เนื่องจากอำนาจโดยตรงของกพท.ในการจะสั่งให้สายการบินหยุดทำการบิน สายการบินนั้นๆ ต้องมีปัญหาไม่ปลอดภัย หรือมีข้อบกพร่องในการทำการบินหรือให้บริการ แต่การที่กพท.ขอให้สายการบินที่ยังไม่ได้ AOC ใหม่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศในครั้งนี้ ถือว่าเป็นไฟต์บังคับ
เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบ การแก้ไขข้อบกพร่องด้านการกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของกพท. หรือ ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) ในช่วงวันที่ 20-27 กันยายนนี้ เพื่อปลดธงแดง ตามที่ กพท. ได้ยื่นขอไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2560
“ส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันว่าสายการบินที่ต้องหยุดบินในเส้นทางบินระหว่างประเทศ มีปัญหาเรื่องไม่ผ่านเกณฑ์หรือไม่ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วเราสั่งให้เขาหยุดบิน โดยที่เขาไม่มีความผิดอะไรโดยตรง และสายการบินเหล่านี้ก็มีมาตรฐานรองรับอยู่ แต่การที่กพท.จะต้องดำเนินการออก AOC ใหม่ ตามกระบวนการ AOC- Recertification เป็นพื้นฐานสำคัญในการขอปลดธงแดง”
ทั้งนี้กพท. ถือว่าสายการบินเหล่านี้ได้เสียสละ เพื่อประโยชน์ในภาพรวมที่ประเทศจะได้รับ หากไทยผ่านการตรวจสอบประเมินมาตรฐานและหลุดพ้นจากประเทศที่มีข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ที่ไทยติดอยู่ 33 ข้อในส่วนนี้ ทั้งยังได้ออกมาตรการมาช่วยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น”
ดร.จุฬา กล่าวต่อว่า การห้าม 12 สายการบินหยุดทำการบินระหว่างประเทศ ก็ไม่ได้กระทบกับผู้โดยสารในวงกว้าง เนื่องจากสายการบินเหล่านี้ส่วนใหญ่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำ และกพท.ยังได้แจ้งให้สายการบินได้รับทราบล่วงหน้าแล้ว ซึ่งสายการบินต่างๆ ก็มีการถ่ายโอนผู้โดยสารไปใช้บริการสายการบินอื่นๆ แทนแล้วเป็นบางส่วน
รวมทั้งปัจจุบันกพท.ยังคงดำเนินการตรวจประเมินเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีบางสายที่จะได้รับ AOC ใหม่เพิ่มเติม อย่างสายการบินไทยเวียดเจ็ท ก็จะสามารถให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ทันทีที่ผ่านการตรวจประเมิน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และสายการบินที่ได้รับผลกระทบก็สามารถขอรับการจัดสรรสิทธิการให้บริการภายในประเทศในช่วงเวลาระหว่างนี้ได้
ส่วนการเดินทางมาตรวจซํ้าของ ICAO กพท.มีความพร้อมเต็มที่ในการรับตรวจสอบประเมินจากคณะ ICVM ซึ่งคาดว่าในวันที่ 27 กันยายนนี้ก็จะพอทราบเบื้องต้นไทยจะปลดธงแดงได้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปลดธงแดงได้ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน โดยเรามีความมั่นใจที่จะแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานใหม่ของไทยและความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการบินของประเทศ นายจุฬา กล่าวทิ้งท้าย
รายงานข่าวจากสายการบินไทยเวียดเจ็ท เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินยังคงให้บริการเที่ยวบินในประเทศตามปกติ ในเส้นทาง สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต, สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่, ภูเก็ต-เชียงราย นอกจากนั้นยังได้เพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศโดยพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารในเดือนตุลาคม ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ฮานอย, โฮจิมินห์ และ ไฮฟอง ได้ให้บริการโดยสายการบิน เวียดเจ็ท เวียดนาม และไทยเวียดเจ็ทจะประกาศแผนการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง ทันทีที่ได้รับ AOC ใหม่ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้สายการบินอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจ AOC ใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2560
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,297 วันที่ 17 - 20 กันยายน พ.ศ. 2560
