จุดพลุสงครามเงินฝาก แบงก์รุมชิงCASA เจาะลูกค้า‘เพย์โรล’

18 ส.ค. 2560 | 03:59 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

แบงก์เปิดศึกดึงเงินฝากต้นทุนตํ่า รุกลูกค้านิติเปิดบัญชีผ่านธนาคาร เร่งสัดส่วน CASA ด้าน “กรุงไทย” เจาะหน่วยงานเอกชน ชูผูกพร้อมเพย์รับดอกเบี้ยเพิ่ม ส่วน “กรุงศรีอยุธยา” ใช้กลยุทธ์ JPC Network เพิ่มฐาน Payroll คาดสิ้นปีสัดส่วนแตะ 55%

[caption id="attachment_162534" align="aligncenter" width="377"] ลือชัย ชัยปริญญา ลือชัย ชัยปริญญา[/caption]

นายลือชัย ชัยปริญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมเงินฝากในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเห็นการแข่งขันขยับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามสัญญาณการเติบโตสินเชื่อที่ทยอยดีขึ้น แต่จะเห็นภาพการแข่งขันชัดเจนภายในปลายไตรมาสที่ 3 โดยปัจจุบันธนาคารจะเน้นดูแลฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ภายใต้การรักษาผลตอบแทนที่เหมาะสม

ธนาคารกรุงไทยยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (CASA) เนื่องจากเป็นเงินฝากต้นทุนตํ่า โดยมุ่งเน้น 3 กลุ่ม คือ 1.ลูกค้าภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคล 2.ลูกค้าภาคเอกชนบุคคลธรรมดา และ 3.หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคาร (Payroll) โดยเฉพาะฐานลูกค้า Payroll ธนาคารพยายามจะเติบโตในกลุ่มลูกค้าหน่วยงานเอกชนเพิ่มขึ้น

MP28-3288-A สำหรับกลยุทธ์การหาเงินฝากต้นทุนตํ่าผ่านเงินฝาก CASA จะเน้นให้ลูกค้าผูกบัญชีร่วมกับบริการรับโอนเงินรูปแบบใหม่(PromptPay) โดยลูกค้าที่ผูกบัญชีร่วมกับพร้อมเพย์จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษบวกเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยปกติขึ้นไปอีก และถ้าลูกค้าทำธุรกรรมทางการเงินผ่านพร้อมเพย์จะได้รับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้คนหันมาฝากเงินและทำธุรกรรมการเงินมากขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยลูกค้าสามารถผูกบัญชีออมทรัพย์ทุกประเภทกับพร้อมเพย์
สัดส่วนเงินฝาก CASA ปัจจุบัน ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2560 มีสัดส่วน 64.99% จากเงินฝากทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากระดับ 62.23% ในช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา เป้าหมายจะรักษาสัดส่วนให้อยู่ในระดับ 60-65% ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมา และการปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคาร ณ เดือน มิถุนายน 2560 ปรับเพิ่มขึ้น จาก 2.94% ในปลายปี 2559 มาเป็น 3.03%

นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันเงินฝากในระบบคงไม่ได้รุนแรงมาก เพราะสินเชื่อไม่ได้ขยายตัวมาก อย่างไรก็ดี ในส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยามีบริษัทในเครือค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นต้องระดมเงินฝากอยู่ เพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อหรือธุรกิจในบริษัทในเครือ โดยเฉพาะเงินฝากต้นทุนตํ่า

[caption id="attachment_71189" align="aligncenter" width="378"] พงษ์อนันต์ ธณัติไตร พงษ์อนันต์ ธณัติไตร[/caption]

อย่างไรก็ตามการระดมเงินฝากให้ได้จำนวนมาก เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากนัก เพราะธนาคารสามารถระดมเงินฝากผ่านโปรโมชันโดยให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงจูงใจในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในระบบค่อนข้างตํ่า จะเห็นเงินฝากไหลเข้ามาแน่นอน แต่กลยุทธ์เงินฝากของธนาคารจะมุ่งเน้นการเติบโตแบบ Low-cost CASA ผ่านบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคาร โดยใช้เครือข่าย JPC Network หรือการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธนาคารสามารถดึงฐานลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาใช้บริการเงินฝาก Payroll ได้หลายบริษัท แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังใช้บริการสถาบันการเงินแห่งอื่น ดังนั้น เป็นสิ่งที่ธนาคารจะต้องตอบโจทย์ให้บริษัทเหล่านั้นมาใช้บริการธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้ได้

ดังนั้น จากกลยุทธ์การเติบโตแบบ Low-cost CASA ผ่าน Payroll จะเห็นสัดส่วนเงินฝาก CASA ของธนาคารทยอยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่อยู่ตํ่ากว่า 50% ปัจจุบันสัดส่วนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 50% ต้นๆ และจากสัดส่วนเงินฝาก CASA ที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลให้ต้นทุนเงินฝากของธนาคารดีขึ้นประมาณ 0.20 สตางค์

ทั้งนี้คาดว่าภายในสิ้นปีจากกลยุทธ์ดังกล่าวสัดส่วนเงินฝาก CASA จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55% และต้นทุนเงินฝากทรงตัวในระดับเดิม ส่วนเป้าหมายการเติบโตเงินฝากรวมทั้งธนาคารอยู่ที่ 7% จากปัจจุบันฐานเงินฝากอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกธนาคารเติบโตเงินฝากแล้ว 5% จากทั้งระบบที่ขยายตัวเพียง 3%

[caption id="attachment_136230" align="aligncenter" width="503"] ธีรนุช ขุมทรัพย์ ธีรนุช ขุมทรัพย์[/caption]

นางธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารธนชาตยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนเงินฝาก CASA ผ่านบัญชี Payroll อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นฐานเงินฝากที่ต้นทุน ปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าเพย์โรลอยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนราย

ขณะที่การแข่งขันของเงินฝาก CASA ผ่านบัญชี Payroll ถือว่ามีการแข่งขันรุนแรง เพราะเป็นเงินฝากต้นทุนตํ่า และสามารถขายต่อยอดผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากแพ็กเกจเพย์โรล เช่น ได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษ หรือขอสินเชื่อได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกลง รวมถึงลดค่าธรรมเนียมแรกเข้าบัตรเดบิต เป็นต้น โดยธนาคารธนชาตจะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากหลายประเภทที่ให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตั้งแต่ 0.125% สูงสุด 1.8% ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและสิทธิประโยชน์ของแต่ละบัญชี

สำหรับเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนเงินฝาก CASA ตั้งเป้าภายในสิ้นปีสัดส่วนน่าจะเพิ่มขึ้นได้เป็น 50% จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่กว่า 40% โดยปัจจุบันฐานเงินฝากทั้งธนาคารอยู่ที่ 7-7.5 แสนล้านบาทส่วนจำนวนบัญชีเพย์โรล อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4-5 แสนราย ขณะที่ภาพรวมเงินฝากคาดว่าจะขยายตัวสอดคล้องกับอัตราการเติบโตสินเชื่อที่ระดับ 5% จากครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตแล้วกว่า 2% (ไม่รวมสินเชื่อเช่าซื้อ)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,288 วันที่ 17 -19 สิงหาคม พ.ศ. 2560