นักเศรษฐศาสตร์ยันไทยยังห่างไกลเงินฝืด แม้เผชิญความเสี่ยงเงินเฟ้อติดลบ ชี้แค่ปัจจัยชั่วคราวจากราคาสินค้าลดลงตามฤดูกาล มองครึ่งปีหลังเงินเฟ้อเร่งตัว
รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รอบล่า กรรมการส่วนใหญ่ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังค่อนข้างทรงตัว แต่กรรมการบางส่วนเห็นว่ามีความเสี่ยงที่อัตราเงินฟ้ออาจต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 0-3.5% ในบางช่วง
นายสันติธาร เสถียรไทยผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ธนาคารเครดิตสวิส กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในสภาวะเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาด โดยส่วนตัวไม่อยากพูดว่าเงินฝืด เพราะมาจากราคาประเภทอาหารที่ผันผวนสูงและน่าจะเป็นปัจจัยชั่วคราว อย่างไรก็ตามหากวิเคราะห์ในรายละเอียด จะพบสินค้าหลายๆหมวดราคาต่ำเช่น เสื้อผ้า บริหารหลายประเภท และเรื่องเงินเฟ้อที่ต่ำก็ทำให้โจทย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยากขึ้น และอาจต้องเผชิญเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าไปอีก1 ปี ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่ามีสิทธิลดดอกเบี้ยอีกไหม ในขณะเดียวกันธปท.ไม่ต้องการลดดอกเบี้ยเพราะกลัวเรื่องเสถียรภาพทางการเงิน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจก็พอฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว
“ผมคิดว่าภาวะเงินเฟ้อต่ำมีอยู่จริงแม้จะหักพวกอาหารออกไป เพราะฉะนั้นโจทย์นี้คงจะไม่หายไปจากธปท.ไปง่ายๆปีนี้”
[caption id="attachment_118065" align="aligncenter" width="416"]
จิติพล พฤกษาเมธานันท์[/caption]
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทั้ง 2 ปัจจัยคือ สินค้าอุปโภคบริโภคและตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นปัจจัยที่จะกดดันอัตราเงินเฟ้อช่วงที่เหลือ โดยการปรับขึ้นราคาซึ่งสะท้อนอัตราเงินเฟ้อด้านอุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานแทบไม่ขยับโดยมีแนวโน้มจะทรงตัวถึงปีหน้า
นอกจากนี้ครึ่งหลังของปีนี้จับตาธนาคารกลาง(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 13-14 มิถุนายน 2560เงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะกลับมาอ่อนค่าในไตรมาส 4 แต่เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสถดถอยเช่นกันหากไม่มีมาตรการกระตุ้น โดยรวมเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งปัจจัยหนุนและปัจจัยฉุดช่วงที่เหลือ
หากเฟดยอมรับว่าไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อีก หลังจากนั้นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสอ่อนค่าอย่างรุนแรงในไตรมาสที่ 4 และเงินบาทมีโอกาสกลับข้างมาแข็งค่าอีกและเป็นปัจจัยกดดันเงินเฟ้อในประเทศยิ่งต่ำทั้งนี้หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งเงินบาทเคลื่อนไหวที่ระดับ 34-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนประเด็นเฟดลดขนาดงบดุลยังไม่มีการพิจารณาในการประชุมรอบเดือนมิถุนายนนี้ แต่จะเห็นการประชุมประจำปีธนาคารกลางสหรัฐ ที่แจ็กสันโฮล ในปลายเดือนสิงหาคมที่เฟดอาจส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดขนาดงบดุล
นายสมประวิณ มันประเสริฐ ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ครึ่งหลังอัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะติดลบ เนื่องจากการพื้นตัวเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น โดยที่เริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ด้วยกำลังซื้อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นและฐานภัยแล้งปีก่อนจะค่อยๆหายไป ขณะที่มาตรการภาษีเหล้า-บุหรี่อาจจะมีการปรับราคาเงินเฟ้อเพิ่มตามประกอบกับต้นทุนการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
[caption id="attachment_129346" align="aligncenter" width="379"]
สมประวิณ มันประเสริฐ ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา[/caption]
“แม้เดือนพฤษภาคมอัตราเงินเฟ้อติดลบจากราคาอาหารสดแต่จะไม่ปรับลดไปกว่านี้ จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายตอบสนองอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบเดือนที่ผ่านมาอีกทั้งเงินเฟ้อที่ติดลบไม่แสดงถึงภาวะเงินฝืดแต่เป็นผลจากปัจจัยฐานและอุปทานเงินเฟ้อที่สะท้อนกำลังซื้อยังเติบโตต่อเนื่อง”
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ด้วยการทำนโยบายการเงินของสหรัฐที่เข้มงวดและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว เมื่อตลาดอิ่มตัวต่อกระแสข่าวตลาดจะพลิกกลับอีกด้านโดยดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าช่วงปลายปีที่ระดับ 35.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจากปัจจุบันอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,270 วันที่ 15 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560