ปมนักบิน‘ทีจี’385คนพึ่งศาลร้องสัญญาจ้างไม่เป็นธรรม

15 มิ.ย. 2560 | 05:00 น.
นักบินของบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) กว่า385 คน ตัดสินใจเตรียมฟ้องร้องบริษัท ต่อศาลแรงงานกรณีการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมอ่านได้จากสัมภาษณ์กัปตันสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย

++แจงค่าปรับเพิ่ม 50 เท่าตัว
กัปตันสนอง เปิดใจต่อเรื่องนี้ว่า หากถามว่าทำไมนักบินมองว่าสัญญาจ้างไม่เป็นธรรมประเด็นอยู่ที่ สัญญาค่าปรับ หากนักบินลาออกก่อนกำหนดเวลาตามสัญญา ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับสายการบินชั้นนำอื่นๆทั้งยังรวมเวลาผูกพันนานถึง 18ปี (นักบินที่ทำงานกับการบินไทยเป็นเวลา 10 ปี จึงจะขึ้นเป็นกัปตันและต้องอยู่ตามสัญญาจ้างอีก 8ปี) ซึ่งที่ผ่านมาการบินไทย มีการปรับสัญญาการจ้างนักบินมาแล้วถึง 3 ครั้ง (ตารางประกอบ) แบ่งเป็น สัญญาก่อนปี 2543 ที่นักบินใหม่หรือ CO-PILOT หากทำงานให้บริษัทไม่ครบตามสัญญา 4 ปีหากออกก่อนต้องจ่ายค่าปรับ 6 แสนบาท และ 2.4 แสนบาทสำหรับกัปตัน

[caption id="attachment_161851" align="aligncenter" width="503"] กัปตันสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย กัปตันสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย[/caption]

ต่อมามีการปรับสัญญาในปี 2543 เพิ่มเวลาเป็น 2 เท่าจาก 4 ปี เป็น 8 ปี เพิ่มค่าปรับเป็น 8 ล้านบาทสำหรับ CO-PILOTและ 12 ล้านบาทสำหรับกัปตัน และมีเพิ่มเติมเรื่องขอปรับ 5 แสนบาท กรณีบอกเลิกสัญญาก่อน 6 เดือน
จนตามมาด้วยการปรับสัญญาปี 2555 มีการเพิ่มเวลาจาก 8 ปี เป็น 10 ปีสำหรับนักบินที่เพิ่งจบใหม่ ซึ่งการบินไทยรับมาต้องส่งไปเรียนเพิ่ม (SP:STUDENT PILOT) รวมทั้งมีการเพิ่มในส่วนนักบินที่บินมาแล้ว แต่มเรียนปรับแบบเครื่องบินเพิ่ม (QP:QUALIFY PILOT) ก็จะมีสัญญาอยู่กับการบินไทย 8 ปี ปรับ 4ล้านบาท ส่วนกัปตันปรับที่ 12ล้านบาทเหมือนเดิม ซึ่งแม้ค่าปรับจะมียอดเงินเท่ากับการปรับสัญญาปี 2543 แต่วิธีปรับจะไม่ได้คิดเป็นค่าปรับต่อปีเหมือนในอดีต แต่เงินค่าปรับจะไปกองอยู่ที่สุดท้ายหมด ทำให้ก็เหมือนเขาออกไม่ได้อยู่ดี เพราะเงินค่าปรับไปกองอยู่ปีหลังๆ เขาก็ต้องอยู่

ดังนั้นหากเทียบตั้งแต่ค่าปรับสัญญาก่อนปี 2543 จนถึงค่าปรับสัญญาปัจจุบัน นักบินหากลาออกก่อนสัญญา ค่าปรับจะมากกว่าเดิม 50 เท่าตัว คือปรับมาเป็น 12 ล้านบาท และต้องผูกพันระยะเวลามากกว่าเดิม4 ปี เป็น 8 ปีสำหรับ CO-PILOTQP และกัปตัน ส่วน CO-PILOTSP เพิ่มเป็น 10 ปี

++ลดผลกระทบนักบินลาออก
อีกทั้งหากจะพูดถึงเรื่องต้นทุนที่บริษัทได้ลงทุนไปกับนักบิน เทียบกับค่าปรับที่บริษัทกำหนดถือว่าไม่สอดคล้องกันเพราะการบินไทยลงทุนกับCO-PILOT SP อยูที่ 5.3 ล้านบาทเวลาฝึกบิน 2.5 ปี การบินไทยคิดค่าปรับนักบิน 8 ล้านบาทCO-PILOT QP ค่าใช้จ่ายในการฝึก 1.7 ล้านบาท เวลาฝึก 1.5 ปีคิดค่าปรับ 4 ล้านบาท กัปตันค่าใช้จ่าย 1 ล้านบาท เวลาฝึก 1ปี คิดค่าปรับ 12 ล้านบาท

เฉพาะเรื่องต้นทุน ก็เห็นชัดเจนว่าไม่สอดคล้องอย่างยิ่งกับค่าปรับนักบินที่เกิดขึ้น รวมถึงระยะเวลาด้วย เราเลยมาชวนคิดว่า จริงๆ แล้ว ถ้าเราไม่มีหลักเกณฑ์ไว้เลย ต่อไปในอนาคตถ้าการบินไทยจะใช้วิธีนี้ในการไม่ให้คนออก ก็อาจจะเพิ่มค่าปรับหรือเพิ่มระยะเวลาไปอีก เหมือนที่เคยทำมาก่อน ซึ่งเป็นการกระทำฝ่ายเดียว ไม่มีใครไปคัดค้านได้เลย นักบินจึงต้องการเรียกร้องให้มีการปรับสัญญาที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ควรแก่เหตุแก่ผลไม่ใช่ว่าเขาจะไม่จ่ายอะไรเลย

[caption id="attachment_161850" align="aligncenter" width="503"] ปมนักบิน‘ทีจี’385คนพึ่งศาลร้องสัญญาจ้างไม่เป็นธรรม ปมนักบิน‘ทีจี’385คนพึ่งศาลร้องสัญญาจ้างไม่เป็นธรรม[/caption]

ข้อดีอีกข้อ คือ จะช่วยลดการลาออกของนักบิน ในกลุ่มที่ไม่ต้องการผูกพันกับสัญญาเนื่องจากไม่ต้องการรับภาระมากกว่าความเป็นจริง เพราะที่ผ่านมาพอนักบินอยู่ครบ 10 ปีก็จะลาออก เพราะไม่มีใครอยากมาเป็นหนี้บริษัทต่ออีก 12 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาก็เป็นหนีอยู่แล้ว 8 ล้านบาท ถึงเวลาหมดสัญญาก็อยากจะไปกัน ซึ่งตั้งแต่ ปี 2553-2559 มีนักบินของการบินไทย ลาออกไปแล้วกว่า373 คน โดยไปสายการบินของตะวันออกกลาง 63 คน และไเป็นนักบินให้สายการบินภายในประเทศเอง 310 คน ขณะเดียวกันยังลดค่าใช้จ่ายของบริษัทในการคัดเลือก การฝึกนักบินใหม่เพื่อทดแทนนักบินที่ลาออกด้วย เพราะถ้านักบินออกเป็น 100 คน ใช้เงินฝึกหัวละ 5 ล้านบาท ก็ปาเข้าไป 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนของการบินไทยเอง

++385 คนเล็งฟ‡องรŒองบินไทย
นอกจากนี้ในปัจจุบันมีสมาชิกของสมาคม ซึ่งเป็นนักบินของการบินไทยกว่า 700 คนจากจำนวนนักบินของการบินไทยที่มทั้งหมด 1,321 คน ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง ได้รับผลกระทบในการประกอบวิชาชีพจากสัญญาดังกล่าว และมีนักบินลงชื่อเข้ามากว่า385 คน เตรียมจะยื่นเรื่องฟ้องบริษัทต่อศาลแรงงาน ในราวกลางเดือนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมงาน และสมาคมนักบินไทย จะให้การสนับสนุนผู้แทนนักบินเหล่านี้ในเรื่องค่าใช้จ่ายการฟ้องร้อง เพื่อปรับปรุงสัญญาจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม และจะส่งผู้แทนเข้าเป็นพยานจนกว่าคดีจะถึงที่สุดสิ้น

กัปตันสนอง ยํ้าว่า การปรบั ปรุงสญั ญาทีน่ กั บนิ ตอ้ งการคือ นักบินมองใน 3 ประเด็น คือ1.ระยะเวลา ควรคิด 2 เท่า โดยคิดจากจำนวนปีที่เข้ารับการศึกษาแต่ไม่เกิน 10 ปี 2.เงินค่าปรับ 2เท่า จำนวนที่เหลือ ปรับแบบขั้นบันไดอัตราส่วนคงที่ และ 3.แจ้งลาออก 1 เดือน มีค่าปรับ 1 แสนบาท อ้างอิงจากก.ม.แรงงานมาตรา 582

“การออกมาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ เราต้องการทำให้เกิดการเจรจา เกิดการยอมรับในสัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ หรือบริษัทต้องมากังวลว่านักบินจะไปรวมตัวกันทำอะไร นอกลู่นอกทาง”

ส่วนกรณีที่การบินไทยระบุว่าสัญญาจ้างมีความเหมาะสมเป็นธรรม เพราะนักบินเมื่อมาสมัครงานก็รับทราบถึงเงื่อนไขในสัญญาและมีทางเลือกที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับในสัญญานั้น สมาคมนักบินไทย เห็นว่าการทำสัญญาดังกล่าว นักบินไม่มีทางเลือกตามที่กล่าวอ้าง

อีกทั้งแนวทางตามกระบวนการยุติธรรม ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพราะแนวทางการทำเรื่องผ่านสหภาพแรงงานพนักงานการบินไทยตามพ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พ.ศ.2543 ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากในอดีตสหภาพแรงงานไม่ได้เข้าดูแลการจ้างงานในส่วนของนักบิน ทำให้นักบินส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพและคณะกรรมการสหภาพแรงงานชุดปัจจุบันก็ครบวาระไปแล้วหลายปี แต่ยังไม่ได้มีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ช่องทางการแก้ปัญหาผ่านสหภาพแรงงานค่อนข้างมีความซับซ้อน

ประกอบกับที่ผ่านมานักบินของการบินไทย ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ขอให้บริษัทปรับปรุงสัญญาการจ้างนักบินให้มีความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่เราพยายามดำเนินการมานานกว่า 3 ปี ตั้งแต่สมัยที่นายจรัมพร โชติกเสถียรเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(ดีดี) ซึ่งท่านก็สั่งตั้งกรรมการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่เป็นกรรมการพิจารณาฝ่ายเดียว มีการเรียกนักบินไปคุยบ้าง แต่คุยแบบไม่เป็นทางการ

ขณะที่การประชุมแบบทางการ เขาก็ไม่เชิญนักบินเข้าไปเพราะรู้ว่าถ้าเชิญเข้ามาก็สรุปไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากให้รู้ว่าใครที่ไม่เห็นด้วยหรือใครที่ไม่อยากให้แก้ไข สุดท้ายก็ไม่ตอบอย่างเป็นทางการ มีเพียงมติภายในว่า ไม่แก้สัญญา เพราะสัญญเหมาะสม เป็นธรรมแล้ว ซึ่งการพิจารณาฝ่ายเดียวแบบนี้ ผลที่ออกมานักบินก็ไม่ยอมรับอยู่ดีบทสุดท้ายจึงต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรม

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,270 วันที่ 15 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560