เซ็นเพย์ทุ่มงบชิง‘เพย์เมนต์’ เล็งเพิ่มเคาน์เตอร์-ออนไลน์
ตลาดเพย์เมนต์แข่งดุ "เซ็นทรัล" ทุ่มงบเพิ่ม 50% พร้อมรบปี 60 ก่อนเสริมบริการทั้งออนไลน์ และ e-wallet มั่นใจตั้งจุดให้บริการครบทุกห้าง ทุกสาขาภายใน 3-5 ปี
นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัททุ่มงบกว่า 20 ล้านบาทในการเปิดให้บริการธุรกิจรับชำระบิลและเติมเงินภายใต้ชื่อ "เซ็นเพย์" (CenPay) โดยเบื้องต้นเน้นให้บริการเพื่อเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าและทำธุรกิจในห้าง และร้านค้าภายในกลุ่มเซ็นทรัล แต่พบว่ามีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยมีปริมาณการมาใช้บริการ 100 ทรานแซ็กชันต่อวันต่อเคาน์เตอร์ ทำให้บริษัทมีแผนขยายจุดให้บริการเพิ่มมากขึ้น
จุดเด่นของเซ็นเพย์คือ ค่าบริการ 5 บาทต่อบิล และในสาขาที่เปิดใหม่ อาทิ ไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์โฮมเวิร์ค และเพาเวอร์บาย จะฟรีค่าบริการใน 3 เดือนแรก ซึ่งต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ทำให้มีการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ยังสะสมแต้ม หรือใช้คะแนน The 1 Card แทนเงินสดในการชำระบิลและเติมเงิน พร้อมลุ้นคะแนนพิเศษจาก The 1 Card ได้อีกด้วย และในปี 2560 บริษัทยังมีแผนเพิ่มบริการออนไลน์ เพย์เมนต์ ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะจัดทำ e-wallet เพื่อให้บริการสะดวกยิ่งขึ้น ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
"ปัจจุบันเซ็นเพย์ มีจุดรับชำระบิลทั้งค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ กว่า 200 รายการ โดยมีพันธมิตรหลักอย่างเอ็มเพย์และทรูมันนี่ นอกจากนี้ยังสามารถเติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ทุกเครือข่าย เกมออนไลน์ ฯลฯ ผ่านจุดให้บริการทั้งในเครือเซ็นทรัล ที่มีเครื่องหมาย CenPayกว่า 1,659 สาขา ได้แก่ แฟมิลี่มาร์ท 1,117 สาขา, เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์และท็อปส์ รวม 199 สาขา, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 22 สาขา, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 44 สาขา, บีทูเอส 96 สาขา, ออฟฟิศเมท 48 สาขา, ไทวัสดุ โฮมเวิร์ค และบ้านแอนด์บียอนด์ รวม 48 สาขา และเพาเวอร์บายอีกกว่า 85 สาขา" นายพิชัยกล่าวและว่า
แม้เซ็นเพย์จะเป็นผู้ให้บริการน้องใหม่ แต่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการจ่ายบิลผ่านเคาน์เตอร์เฉลี่ย 3 แสนรายการต่อเดือน และ ยอดเติมเงิน 1.6 ล้าน รายการต่อเดือน โดยปีนี้มียอดผู้มาใช้บริการชำระบิลเติบโตเพิ่มขึ้น 140% จากปีก่อน ขณะที่ยอดการใช้บริการเติมเงินเติบโตขึ้น 200% และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านกลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้า บริษัทจะใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบาท ในการทำตลาดเพย์เมนต์เซอร์วิส ภายใต้ 4 กลยุทธ์ได้แก่ สามารถใช้คะแนน The 1 Card แลกแทนเงินสดในการชำระบิลหรือเติมเงินได้ (Redeem Point) โดยทุกๆ 40 คะแนนใช้แทนเงินสดได้ 5 บาท และทุกๆ 800 คะแนนใช้แทนเงินสดได้ 100 บาท , รับคะแนน The 1 Card ทุกๆการชำระบิล (Earn Point) โดยการชำระบิล 5 บาท จะได้รับคะแนน The 1 Card 1 คะแนน , ลุ้นรับคะแนนพิเศษจาก The 1 Card รวมกว่า 1 ล้านคะแนน โดยทุกๆ 1 การชำระบิลหรือเติมเงินถือเป็น 1 สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล กำหนดระยะเวลา 4 เดือน แจกรางวัลรวมเดือนละ 2.5 แสนคะแนน และ ค่าธรรมเนียมราคา 5 บาท
เพื่อเป็นการดึงดูดผู้ใช้บริการรายใหม่ให้เข้ามาเพิ่มขึ้น ในปีหน้าบริษัทมีแผนเพิ่มรายการรับชำระบิลและเติมเงินอีกว่า 20 รายการ อาทิ Easypass, กรุงศรี Auto (Car4Cash) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น นอกจากนี้จะเพิ่มจุดรับชำระเงินให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัลภายใน 3-5 ปี ซึ่งจะทำให้มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 30% รวมทั้งการรุกขยายการให้บริการไปในต่างประเทศ ตามธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลที่ขยายตัวด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,219 วันที่ 18-21 ธันวาคม 2559