Play
KTBST ประเมินหุ้นไทยวันนี้ (8 พ.ย.)ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ
บล.KTBST ประเมินหุ้นไทยวันนี้ (8 พ.ย.) ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลังความกังวลเรื่อง email นางฮิลลารีหมดลงไปและให้น้ำหนักว่า นางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้ง
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (8พ.ย.) ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับข่าวสำคัญ ที่ FBI ระบุเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า email ของนางฮิลลารี ไม่พบว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ตลาดหุ้นจึงดีดกลับหลังจากที่ปรับตัวลดลงเพราะความกังวลในเรื่องนี้ ดัชนี Bloomberg World Index กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. และมีโอกาสที่จะสูงขึ้นเนื่องจากความกังวลดังกล่าว ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว และความชัดเจนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นชัดเจนขึ้น ว่านางฮิลลารีมีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง ผลสำรวจ จาก Website http://www.realclearpolitics.com/ ณ 8.34 น. นางฮิลลารี่ มีคะแนนนำนายทรัมป์ 47.2 ต่อ 44.3 โดย Indicator ที่สะท้อนความเสี่ยงของตลาด คือ ค่าเงินดอลล่าร์ ราคาพันธบัตร และราคาทองคำลดลงและกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คือ ตอบสนองต่อผลการเลือกตั้งที่นางฮิลลารีชนะ และ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.
โดยตลาดหุ้นไทย วันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ และผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่น่าจะบวกต่อตลาดหุ้น อีกทั้งตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกหรือปัจจัยหนุนที่รออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นใหญ่หลายๆตัวลงมาก่อนหน้านี้ เลยทำให้มีโอกาสที่จะขึ้น แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในรูปแบบต่างๆ ผลประกอบการไตรมาส 3 และเงินดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นตัวช่วยของดัชนีฯทั้งนั้น โอกาสที่ดัชนีฯจะไปต่อหรือสูงกว่าระดับ 1,509 จุดจึงมีค่อนข้างมาก
"ปัจจัยที่มีผลในระหว่างวัน ได้แก่ ผลการประชุม ครม.ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือข่าวในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นหรือม่ , ทิศทางค่าดอลล่าร์ (แข็งค่าขึ้น เป็นบวกต่อตลาด) , กำไรและคาดการณ์กำไร ไตรมาส 3 ของบริษัทในตลาดหุ้น และตัวเลขส่งออกจีน (คาด -6%YoY ; เดือนก่อน -10% : สกุล USD) "
ดังนั้นการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักต่อผลการเลือกตั้งประนาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทราบวันพรุ่งนี้ (9) ว่านางฮิลลารี่จะชนะ ซึ่งนโยบายต่างๆอาจไม่เปลี่ยนมากและทำให้ปัจจัยนี้ถูกปลดล็อกออกไป การซื้อขายจะกลับเข้าสู่สภาพปกติหลังจากนี้ เพราะเราเชื่อว่าก่อนหน้านี้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน จึงมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อหุ้นกลับ และจากผลบวกจากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากออกมาตามคาดที่เรามองเห็นคือ บวกต่อตลาดหุ้นและบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะที่ขายไปยังสหรัฐฯ และค่าดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ KCE , DELTA , CPF แต่ถึงกระนั้น หากในระยะยาว ค่าดอลล่าร์ ปรับตัวขึ้นไปมากจริงๆ อาจไปกระทบต่อกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาขายในประเทศ และหุ้นที่มีหนี้ดอลล่าร์มาก ในอนาคตได้
นอกจากนี้หุ้นที่เป็นบวกจากปัจจัยอื่นๆ ก็ยังมีด้วยเช่นกัน เช่น หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หรือหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด เป็นต้น หุ้นที่แนะนำในวันนี้ได้แก่ PTT , BLA , BEM , TMT , INETมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,500-1,518 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (8พ.ย.) ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับข่าวสำคัญ ที่ FBI ระบุเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า email ของนางฮิลลารี ไม่พบว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ตลาดหุ้นจึงดีดกลับหลังจากที่ปรับตัวลดลงเพราะความกังวลในเรื่องนี้ ดัชนี Bloomberg World Index กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. และมีโอกาสที่จะสูงขึ้นเนื่องจากความกังวลดังกล่าว ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว และความชัดเจนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นชัดเจนขึ้น ว่านางฮิลลารีมีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง ผลสำรวจ จาก Website http://www.realclearpolitics.com/ ณ 8.34 น. นางฮิลลารี่ มีคะแนนนำนายทรัมป์ 47.2 ต่อ 44.3 โดย Indicator ที่สะท้อนความเสี่ยงของตลาด คือ ค่าเงินดอลล่าร์ ราคาพันธบัตร และราคาทองคำลดลงและกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คือ ตอบสนองต่อผลการเลือกตั้งที่นางฮิลลารีชนะ และ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.
โดยตลาดหุ้นไทย วันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ และผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่น่าจะบวกต่อตลาดหุ้น อีกทั้งตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกหรือปัจจัยหนุนที่รออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นใหญ่หลายๆตัวลงมาก่อนหน้านี้ เลยทำให้มีโอกาสที่จะขึ้น แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในรูปแบบต่างๆ ผลประกอบการไตรมาส 3 และเงินดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นตัวช่วยของดัชนีฯทั้งนั้น โอกาสที่ดัชนีฯจะไปต่อหรือสูงกว่าระดับ 1,509 จุดจึงมีค่อนข้างมาก
"ปัจจัยที่มีผลในระหว่างวัน ได้แก่ ผลการประชุม ครม.ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือข่าวในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นหรือม่ , ทิศทางค่าดอลล่าร์ (แข็งค่าขึ้น เป็นบวกต่อตลาด) , กำไรและคาดการณ์กำไร ไตรมาส 3 ของบริษัทในตลาดหุ้น และตัวเลขส่งออกจีน (คาด -6%YoY ; เดือนก่อน -10% : สกุล USD) "
ดังนั้นการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักต่อผลการเลือกตั้งประนาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทราบวันพรุ่งนี้ (9) ว่านางฮิลลารี่จะชนะ ซึ่งนโยบายต่างๆอาจไม่เปลี่ยนมากและทำให้ปัจจัยนี้ถูกปลดล็อกออกไป การซื้อขายจะกลับเข้าสู่สภาพปกติหลังจากนี้ เพราะเราเชื่อว่าก่อนหน้านี้นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน จึงมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อหุ้นกลับ และจากผลบวกจากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากออกมาตามคาดที่เรามองเห็นคือ บวกต่อตลาดหุ้นและบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะที่ขายไปยังสหรัฐฯ และค่าดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ KCE , DELTA , CPF แต่ถึงกระนั้น หากในระยะยาว ค่าดอลล่าร์ ปรับตัวขึ้นไปมากจริงๆ อาจไปกระทบต่อกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาขายในประเทศ และหุ้นที่มีหนี้ดอลล่าร์มาก ในอนาคตได้
นอกจากนี้หุ้นที่เป็นบวกจากปัจจัยอื่นๆ ก็ยังมีด้วยเช่นกัน เช่น หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หรือหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด เป็นต้น หุ้นที่แนะนำในวันนี้ได้แก่ PTT , BLA , BEM , TMT , INETมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,500-1,518 จุด