Play
อันเดอร์อาร์เมอร์เปิดแผนรุก ขยายตลาดเมืองท่องเที่ยว/ชูนวัตกรรมเอาใจสปอร์ตแมน
“อันเดอร์ อาร์เมอร์” แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาดังจากอเมริกา เดินหมากปี 2 หันปักธงยึดแหล่งท่องเที่ยวรับกำลังซื้อต่างชาติ ประเดิมด้วยพัทยา ก่อนลงใต้เปิดแบรนด์ เฮาส์ที่จังซีลอน ภูเก็ต เผยทยอยเปิดคอลเลกชันสุดล้ำ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะเอาใจคนรักการออกกำลังกาย
นางสาวปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยู เอ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬา ภายใต้แบรนด์ “อันเดอร์ อาร์เมอร์” (Under Armour) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังเปิดให้บริการในเมืองไทยครบ 1 ปี พบว่าลูกค้าคนไทยให้การตอบรับดีมาก โดยลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักอันเดอร์ อาร์เมอร์ก่อนที่จะเปิดสาขาอยู่แล้ว และชื่นชอบผลิตภัณฑ์เพราะเป็นเสื้อผ้ากีฬาที่มีคุณภาพดี อย่างไรก็ดีแผนการรุกตลาดในปีที่ 2 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้กำหนดจำนวนที่แน่นอน แต่เน้นการขยายสาขาในทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก โดยบริษัทมีแผนจะขยายสาขาในรูปแบบแบรนด์ เฮาส์ (ร้านแบบสแตนด์อะโลนทั้งที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า) อีกอย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ จังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต และเซ็นทรัลเวิลด์
ปัจจุบันอันเดอร์ อาร์เมอร์มีสาขารวมทั้งสิ้น 7 แห่ง แบ่งออกเป็นแบรนด์ เฮาส์ 4 แห่ง ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์, เมกา บางนา, Zpellฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และช็อป อิน ช็อป 3 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน, ดิเอ็มโพเรียม และ ดิเอ็มควอเทียร์ โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการที่เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ซึ่งเป็นแบรนด์เฮาส์สาขาแรกในภาคตะวันออก บนพื้นที่ 210 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทย 65-70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30-35%
“พัทยาถือเป็นเมืองที่มีศักยภาพในฐานะเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งการกีฬาที่มีความหลากหลาย ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ จะสามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคอนเซ็ปต์ของร้าน ที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ จากการสัมผัสประสบการณ์ของนักกีฬาและจิตวิญญาณของอันเดอร์ อาร์เมอร์ โดยการตกแต่งภายในจะใช้วัสดุไม้ และเหล็ก ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในยิมและโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดพลังในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแรง” ปริศนา กล่าวและว่า
จุดเด่นของอันเดอร์ อาร์เมอร์ คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์เสื้อผ้ากีฬาที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นสินค้าที่วางจำหน่ายที่สาขาพัทยา จะมีทั้ง HeatGear? Sonic, HeatGear? Flyweight, Coldblack?, UA Tech? และ รุ่น Compression ทั้งเสื้อผ้าสำหรับการเทรนนิ่ง, baselayers, การเทรนนิ่งแบบรวม, การวิ่ง, กีฬากอล์ฟ , รองเท้ากีฬา สำหรับผู้ชาย และ UA’s studio line, UA StudioLux? และ Armour Bra สำหรับผู้หญิง
ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเน้นการนำเสนอนวัตกรรมในการผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น Threadborne? เทคโนโลยีเนื้อผ้าที่มีความคงทนพิเศษและน้ำหนักเบาในรองเท้าบาสเกตบอล Curry 3 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงเทคโนโลยี คูลสวิช ในผลิตภัณฑ์คอลเลกชัน สปริง ซัมเมอร์ 2016 และเปิดตัวรองเท้ารุ่นไฮไลต์แห่งปี Bandit 2 ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง ในกลางปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“การออกกำลังกายและการเล่นกีฬากลายเป็นไลฟ์สไตล์หนึ่งของผู้บริโภครุ่นใหม่ ขณะที่การเลือกเสื้อผ้ากีฬาสำหรับสวมใส่ก็ยังคำนึงถึงเรื่องของการดีไซน์ ความสบาย และคุณภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยตอบสนองได้”
สำหรับอันเดอร์ อาร์เมอร์ เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและแอ็กเซสซอรีกีฬาชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เริ่มเข้ามาเปิดให้บริการในเมืองไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 โดยสาขาแรกเปิดให้บริการที่สยามเซ็นเตอร์ และเป็นสาขาที่ 10 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดเด่นที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี และความหลากหลายของแบบ และชนิดกีฬาทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,205 วันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2559
นางสาวปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยู เอ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬา ภายใต้แบรนด์ “อันเดอร์ อาร์เมอร์” (Under Armour) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังเปิดให้บริการในเมืองไทยครบ 1 ปี พบว่าลูกค้าคนไทยให้การตอบรับดีมาก โดยลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักอันเดอร์ อาร์เมอร์ก่อนที่จะเปิดสาขาอยู่แล้ว และชื่นชอบผลิตภัณฑ์เพราะเป็นเสื้อผ้ากีฬาที่มีคุณภาพดี อย่างไรก็ดีแผนการรุกตลาดในปีที่ 2 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้กำหนดจำนวนที่แน่นอน แต่เน้นการขยายสาขาในทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก โดยบริษัทมีแผนจะขยายสาขาในรูปแบบแบรนด์ เฮาส์ (ร้านแบบสแตนด์อะโลนทั้งที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า) อีกอย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ จังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต และเซ็นทรัลเวิลด์
ปัจจุบันอันเดอร์ อาร์เมอร์มีสาขารวมทั้งสิ้น 7 แห่ง แบ่งออกเป็นแบรนด์ เฮาส์ 4 แห่ง ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์, เมกา บางนา, Zpellฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และช็อป อิน ช็อป 3 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน, ดิเอ็มโพเรียม และ ดิเอ็มควอเทียร์ โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการที่เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ซึ่งเป็นแบรนด์เฮาส์สาขาแรกในภาคตะวันออก บนพื้นที่ 210 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทย 65-70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30-35%
“พัทยาถือเป็นเมืองที่มีศักยภาพในฐานะเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งการกีฬาที่มีความหลากหลาย ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าแบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ จะสามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคอนเซ็ปต์ของร้าน ที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ จากการสัมผัสประสบการณ์ของนักกีฬาและจิตวิญญาณของอันเดอร์ อาร์เมอร์ โดยการตกแต่งภายในจะใช้วัสดุไม้ และเหล็ก ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในยิมและโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดพลังในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแรง” ปริศนา กล่าวและว่า
จุดเด่นของอันเดอร์ อาร์เมอร์ คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์เสื้อผ้ากีฬาที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี ดังนั้นสินค้าที่วางจำหน่ายที่สาขาพัทยา จะมีทั้ง HeatGear? Sonic, HeatGear? Flyweight, Coldblack?, UA Tech? และ รุ่น Compression ทั้งเสื้อผ้าสำหรับการเทรนนิ่ง, baselayers, การเทรนนิ่งแบบรวม, การวิ่ง, กีฬากอล์ฟ , รองเท้ากีฬา สำหรับผู้ชาย และ UA’s studio line, UA StudioLux? และ Armour Bra สำหรับผู้หญิง
ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเน้นการนำเสนอนวัตกรรมในการผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น Threadborne? เทคโนโลยีเนื้อผ้าที่มีความคงทนพิเศษและน้ำหนักเบาในรองเท้าบาสเกตบอล Curry 3 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงเทคโนโลยี คูลสวิช ในผลิตภัณฑ์คอลเลกชัน สปริง ซัมเมอร์ 2016 และเปิดตัวรองเท้ารุ่นไฮไลต์แห่งปี Bandit 2 ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง ในกลางปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“การออกกำลังกายและการเล่นกีฬากลายเป็นไลฟ์สไตล์หนึ่งของผู้บริโภครุ่นใหม่ ขณะที่การเลือกเสื้อผ้ากีฬาสำหรับสวมใส่ก็ยังคำนึงถึงเรื่องของการดีไซน์ ความสบาย และคุณภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยตอบสนองได้”
สำหรับอันเดอร์ อาร์เมอร์ เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและแอ็กเซสซอรีกีฬาชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เริ่มเข้ามาเปิดให้บริการในเมืองไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 โดยสาขาแรกเปิดให้บริการที่สยามเซ็นเตอร์ และเป็นสาขาที่ 10 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดเด่นที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี และความหลากหลายของแบบ และชนิดกีฬาทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,205 วันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2559