กองทุนน้ำมัน จะติดกับดักนโยบาย ลดราคาพลังงาน?

17 พ.ค. 2566 | 00:15 น.

บทบรรณาธิการ กองทุนน้ำมัน จะติดกับดักนโยบาย ลดราคาพลังงาน?

ผลการเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนเสียงสูงสุด และพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หนึ่งในนโยบายที่เรียกคะแนนเสียงจากประชาชน คือ การประกาศลดราคาพลังงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แก้ปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
 
หลายพรรคการเมือง ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหานํ้ามันแพงหลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นพุ่งเป้าไปที่ความจำเป็น และการมีอยู่ของกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ที่ปัจจุบันมีบทบาท ภารกิจในการดูแลรักษาเสถียรภาพราคานํ้ามันเชื้อเพลิง หรือที่เข้าใจกันว่า แทรกแซงเพื่อทำให้ราคานํ้ามันถูกลง หรือ การแทรกแซงบริหารจัดการ เพื่อให้ราคานํ้ามันนิ่ง ไม่หวือหวาขึ้นลงตามความผันผวนของราคานํ้ามันในตลาดโลก ที่กำลังผันผวนอยู่ในขณะนี้
 
ในหลายๆ ครั้ง กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิงถูกการเมืองนำไปใช้อุดหนุน แทรกแซงราคาขายปลีกนํ้ามัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อตรึงราคา เพื่ออุดหนุนราคา หรือ อุดหนุนราคาสินค้าเกษตรก็ตาม ล้วนแต่เพื่อการรักษาคะแนนนิยมจากประชาชน โดยไม่ได้คำนึงว่า เป็นการใช้กองทุนนํ้ามันที่ผิดเป้าหมายและผิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของกองทุนนํ้ามัน
 

การประกาศลดราคาพลังงานของพรรคการเมือง ตามนโยบายประชานิยมในครั้งนี้อีกเช่นกัน การลดราคานํ้ามันขายปลีก คงหนีไม่พ้นการใช้กลไกกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาคำมั่นสัญญาจากการหาเสียงที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งคาดหมายกันว่า น่าจะเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของรัฐบาลชุดใหม่
 
การใช้กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง เพื่อแทรกแซง อุดหนุน หรือรักษาเสถียรภาพของปริมาณและราคานํ้ามันเพื่อดูแลพี่น้อง ประชาชนผู้ใช้พลังงาน ในช่วงวิกฤตการณ์ราคาพลังงานที่ผ่านมา กองทุนนํ้ามันฯ ได้เข้าไปอุดหนุนราคานํ้ามัน จนส่งผลให้ฐานะกองทุนนํ้ามันฯ ติดลบไปกว่า 1.3 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565
 
ปัจจุบันภาวะราคานํ้ามันในตลาดโลกอยู่ในช่วงขาลง ทำให้สามารถจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนนํ้ามันฯ เพื่อใช้คืนหนี้ได้มากขึ้น รวมไปถึงการกู้เงินเพื่อจัดการกับปัญหาสภาพคล่องในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ขณะนี้กองทุนนํ้ามันฯ มีฐานะดีขึ้น ล่าสุดวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ติดลบเหลือ 75,753 ล้านบาท
 

อย่างไรก็ตาม การลดราคาพลังงานให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย ถือเป็นเรื่องที่ดี และควรทำอย่างยิ่ง แต่ควรจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม
 
หากจะตะบี้ตะบัน อุดหนุนราคานํ้ามันดีเซล นํ้ามันเบนซินกลุ่มแก๊สโซฮอล์ รวมถึงอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี ก็จะส่งผลให้ฐานะกองทุนนํ้ามันฯ กลับเข้าสู่วังวนเดิมที่จะติดลบเพิ่มขึ้นอีก และต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินมาใช้หนี้ให้กับผู้ค้านํ้ามันเรื่อยไป
 
ดังนั้น การทำให้ราคานํ้ามันถูกลงในระยะสั้นๆ อาจจะได้ใจประชาชน แต่ในระยะยาวแล้ว เสถียรภาพของราคานํ้ามันน่าจะเป็นสิ่งสำคัญกว่า เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากนโยบายใดๆ ก็ตาม คนที่ต้องรับภาระนั้นไปคือ...ประชาชนนั่นเอง