ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 10

02 ธ.ค. 2565 | 23:30 น.

ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 10 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3841

 

มีแฟนคลับคาใจขอให้ผมถอดรูป “มนุษย์ยถากรรม” ให้หน่อยว่า เป็นคนมีนิสัยอย่างไร ขอตอบแบบผ่อนคลายว่า ครู เขียนจดหมายส่งถึง ผู้ปกครอง ของ ด.ช.ฝากท้อง เนื้อหาระบุมาไม่ยาวไม่สั้นแต่ก็ได้ใจความว่า “ท่านผู้ปกครองที่เคารพ ฝากท้อง มีกลิ่นตัวเหม็นมาก ช่วยอาบน้ำให้เขาด้วยสิคะ!” ผู้ปกครองก็ตอบกลับมาว่า “คุณครูที่รัก ครูสอนหนังสือเขาไปเรื่อยๆ ก็พอ ฝากท้อง ไม่ใช่ดอกกุหลาบ ครูอย่าไปดมเขาสิ!” (ฮา)

 

ท่านคิดว่าครอบครัวนี้ พ่อ หรือ ลูก ที่มีลักษณะเป็น “มนุษย์ยถากรรม”

 


หลักการตลาดจริยธรรม (Ethical Marketing) มีข้อตกลงหนึ่งในหลายข้อว่า ผู้ขายสินค้าจะต้องสำแดงความโปร่งใส ผมเห็นแม่ค้าเธอถ่ายทอดสดผ่านติ๊กต่อก ช่วงที่ตักลูกอมใส่จนแน่นกล่องให้ผู้สั่งซื้อได้ดูกันเห็น ๆ ก่อนจะปิดฝากล่อง คลิปติ๊กต่อกจะเป็นพยานให้กับผู้ขายและผู้ซื้อว่า กล่องที่ลูกค้าได้เซ็นรับของจากแมสเซนเจอร์ มันคือ กล่องเดียวกับกล่องลูกอมที่ตักโชว์หน้าจอ จนแทบจะล้น มันใช่เลยใช่ไหม

 

ถ้าผมเป็นพ่อค้าขายสินค้าที่ต้องใช้เครื่องชั่ง ผมจะเลิกใช้  “เครื่องชั่งโหล” ซื้อมามันใหม่ๆ ก็จริง แต่ไม่เคยปรับรูปแบบให้ทันยุคทันกระแส เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น ผมจะสั่งทำพิเศษ สามารถจะสำแดงหน้าปัดสี่ทิศ โดยมีสารเรืองแสงหรือ ไฟส่องให้เห็นหน้าปัดกันจะๆ เรียกว่า เครื่องชั่งหิวแสงพระพรหม! (ฮา) 

 คำว่า “ยถา” แปลว่า “ฉันใด” หรือ “อย่างไร” คำว่า “กรรม” คือ “กระทำ” นำคำทั้งสองมาหมั้นกัน เรียกว่า “ยถากรรม” แปลว่า “กระทำอย่างไรชะตาก็จะเป็นอย่างนั้น ปฏิบัติฉันใดชีวิตคนผู้นั้นก็ย่อมจะเป็นไปฉันนั้น”  

 

ทั้งนี้ การที่ไลฟ์สไตล์ใครจะอยู่กับสภาพที่สุขบ้างทุกข์บ้างช่างมัน ขอแบ่งอุปนิสัยเป็นสองแบบ แบบแรก “วางเฉย” เพราะว่า “รู้แจ้ง” แบบที่สอง “เมินเฉย” เพราะว่า “ไม่เอาใจใส่” ใครที่เผลอหลุดเข้ามาในแบบที่สองเขาจะกลายเป็นพวก “ยถากรรมด้อยพัฒนา” ชีวิตจะตกอับหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับ หนึ่ง จำนวนกรรมเดิมว่าสต็อคเอาไว้กี่กรณี  สอง จำนวนกรรมใหม่สร้างไว้กี่รายการ สำคัญยิ่งไปกว่านั้นควรจะรู้ดีรู้ชั่วว่า อะไรคือทำนองคลองธรรม ตราบใดที่ยังเออร์เรอร์ซ้ำซาก ก็คงจะยากที่จะออกจากกรงยถากรรม


กาลครั้งหนึ่งไม่นานนักแต่หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว เหตุเกิดขึ้นในแว่นแคว้นไทยซึ่งเป็นแดนแล้งน้ำ ที่นั่นมี โรงน้ำแข็ง ตั้งอยู่ 3 โรง เขาทำน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมผินผ้ายุคป้าตะบันหมาก ราคาก้อนละ 50 ตังค์ หรือ 50 สตางค์ นักการเมืองขาใหญ่สไตล์อุ้มฆ่ารายหนึ่ง ไปจับเข่าคุยกับ เจ้าของโรงน้ำแข็ง 3 ราย 


ขาใหญ่รายนั้นบอกว่า “อั๊วะจะตั้งโรงน้ำแข็งและขอความร่วมมือให้ลื้อทั้งสามโรงช่วยกันร่วมใจขาย ก้อนละ 1 บาท ลื้อ โอ.เค. เลยนะ” เจ้าของโรงน้ำแข็ง 3 ราย ปรึกษากันแล้วปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า “ราคาเดิมก็ได้กำไรดีพอแล้วนะเฮีย  ชาวบ้านเขาเบี้ยน้อยหอยน้อย เราจะขึ้นราคาพรวดเดียว 100% มันจะเยอะไปนะเฮีย”


ขาใหญ่ได้สดับแล้วเคืองปรี๊ด หลังจากตั้งโรงน้ำแข็งเสร็จ ก็ทดลองทำความเลวด้วยการผลิตแจกมันไปเรื่อยๆ ลูกค้า คือ ชาวบ้านผู้หลงใหลของฟรี ก็กระดี๊กระด๊า เลิกซื้อ หันไปรับน้ำแข็งจากซาตานกันอุตลุต เรื่องนี้มันก็ต้องจบแบบ “ยถากรรมด้อยพัฒนา”

 

โรงน้ำแข็ง 3 เจ้า กลายเป็น โรงน้ำแข็ง 3 เฉา ต้องจำใจฮั้วขึ้นราคาเท่าตัวตามที่ขาใหญ่ไล่บี้ ถ้าชาวบ้านสงสัยสักนิดว่า ทำไมแจกน้ำแข็งฟรีข้ามเดือน ก็น่าจะช่วยกันเบรคเฮียได้บ้าง  

                                  ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 10


เล่าเรื่องนี้ก็ชวนให้นึกถึงคอลัมน์ขอดเกล็ดสังคมของเว็บไซต์ต่างประเทศ อ่านแล้วแอบสาแก่ใจอยู่เงียบๆ (อิๆ)  


หัวข้อเรื่องที่เขาเขียนชื่อว่า “กฎกรรมสิทธิ์แบบสุนัขๆ”


     ถ้าข้าเห็นก่อน, มันก็เป็นของข้า


    ถ้าข้าชอบ, มันก็เป็นของข้า


    ถ้ามันดูเหมือนๆ กับของๆ ข้า, มันก็เป็นของข้า


    ถ้าเอ็งเล่นมันอยู่แล้ววางลง, มันก็เป็นของข้าโดยอัตโนมัติ


    ถ้าข้าแย่งเอามาจากเอ็งได้, มันก็เป็นของข้า


    ถ้าข้าคาบบางส่วนมันขึ้นมาแล้ว, ทั้งหมดมันก็เป็นของข้า


    ถ้ามันเข้าปากข้าแล้ว, มันก็เป็นของข้า


    ถ้าข้าตัวใหญ่กว่าเอ็ง, มันก็เป็นของข้า


    ถ้าข้ามีพวกหนุนหลัง, มันก็เป็นของข้า


    ถ้ามันเป็นของข้า, มันไม่มีวันที่จะโผล่ไปเป็นของเอ็ง


    ถ้ามันแตกหักบุบสลาย, มันก็เป็นของเอ็ง


    ตราบใดที่เรายังติดเขื้อ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” คงยากที่จะสะบัด “ยถากรรมด้อยพัฒนา” ให้หลุดได้ 


เพื่อความเข้าใจอันดีลองไปถามแมงดาคุมซ่องดูสิว่า ทำไมถึงเลือกทำงานลามกแบบนั้น เชื่อสิ เขาจะบอกเราว่า 


“ทุกเมืองทั่วโลกมีซ่องกันทั้งนั้น เมื่อมีซ่องก็จะต้องมีแมงดา ถึงผมไม่เป็นก็จะมีคนอื่นเข้ามาทำแทนที่ผมเป็นเองเจ๋งกว่า คุณอย่ามาดัดจริตธรรมะธัมโมเลย ไปบอกเมียดูสิว่าไม่เคยเที่ยวซ่อง เมียขำตาย ” (ฮา)