ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 8

25 พ.ย. 2565 | 23:30 น.

ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 8 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3839

ผมโพสต์สำแดงความเห็นไว้ใน FB วลีที่ว่า ฟ้าดินเห็น ไม่ได้พูดเล่นๆลอยๆ สมัยนี้จะเข้าใจง่าย เราทำอะไรกันข้างล่าง ดาวเทียมเก็บภาพถี่ยิบ ผมนี่เชื่ออยู่แล้วว่า เรานี่อยู่ในสายพระเนตรท่านอินทร์พรหมยมยักษ์แน่นวล ว่าแต่ว่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้า จะจ่ออยู่ในสายตาของ “วิ” บ้างไหมล่ะ “วิ”

 

ขอเดชะ พระบัญชีไม่พ้นเกล้า ถ้ามีท่านเทวดาเหล่าใดทรงเป็น บก.บห. ออนไลน์ บ้างก็จะดีไม่ใช้น้อย สังคมทั้งสามโลกจะได้กล่าวถึงกันให้กระหึ่มไปเลยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ช่วยส่งแมวมองมาตั้งชื่อ วัดลาดปลาเค้า ให้ท่านใหม่ดีกว่า ผมว่าวัดนี้ควรจะเปลี่ยนชื่อจาก “วัดลาดปลาเค้า” เป็น “วัดให้” น่าจะใช่เลย

 

จอว. คือ พระมหาเขมานันท์ ลุยแหลกแจกสารพัดแจกช่วยสารพัดช่วย ท่านขยันทำตัวเป็น “รัฐมนตรีกระทรวงโรงทาน” ก่อนที่โควิด จะดอดเข้ามาลองของวัดใจซะอีก จะปิดทองหลังพระวัดไหนก็ปิดได้ แต่ถ้าคิดจะปิดทองหลังพระ วัดลาดปลาเค้า คงจะปิดลำบาก เพราะว่า ด้านหลังพระวัดนี้เหงื่อไหลกันเป็นว่าเล่น (ฮา)

 

“วิ” ช่วยเป็นพยานกันหน่อยสิ “วิ”

 

ล่าสุด ท่านร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาหันหน้ามาลงขันลงแรง เอาของกินของใช้ไปบริจาคข่วยชาวบ้านที่โดนน้ำกระชับพื้นที่เข้ามาล้อมแหล่งทำกินถิ่นอาศัย “วัดให้” ก็จัดฝ่ายอาสามุ่งหน้าไป อุบลราชธานี กับ ศรีสะเกษ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอาณุภาพแสนวิเศษได้ทรงโปรดช่วยคุ้มครองเขาเหล่านั้นเถิด


พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระพยอม เคยเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อถวายพระธรรมเทศนา ในหลวง ร.9 เสร็จ พระองค์ก็เสด็จเข้ามามีพระราชปฏิสันถาร ผ่านไปสักครู่ก็ตรัสถามว่า “พระคุณเจ้ามีสมณศักดิ์ขั้นไหน” พระพยอม ก็ทูลว่า “ขอเดชะ ยังไม่มีสักขั้นหนึ่งเลย” (ฮา)

 

ในหลวง ร.9 ท่านก็สุดยอด ทรงเรียกคนสนิทมาปรึกษาในทำนองที่ว่า หากพระพยอม มีสมณศักดิ์สูงขึ้นก็จะมีพลังในการทำงานเพื่อสังคมโดยสะดวก คนสนิทก็ทูลว่า “เราปิดบัญชีเสนอชื่อประจำปีกันไปแล้วพระเจ้าข้า” ในหลวง ร.9 ทรงชี้แนะว่า “เราปิดเองได้ เราก็เปิดเองได้” (ฮา) สรุปว่า ปีนั้น พระพยอม ได้รับสมณศักดิ์แต่งตั้งให้เป็น ท่านเจ้าคุณ (ทรงพระเจริญๆๆ)
 

 

ด้วยกุศลผลบุญทุกภพชาติที่ผมได้สละสิทธิ์ยกอุทิศถวายเป็น “สาธารณะทาน” เพื่อมอบให้ฟ้าดินทรงจัดสรรไว้ช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขทุกรูปทุกนาม ผมขออัญเชิญพลานุภาพนั้น จงมาช่วยบันดาลให้พระสงฆ์ทุกรูปที่ขยันทำดีทุกรูปแบบตามทักษะที่ท่านมี พึงได้รับสมณศักดิ์ เพื่อช่วยยกระดับตบะเดชะมีกำลังในการปฏิบัติดีแก่สังคมสืบไปด้วยเทอญ 
 

 

ปรากฏว่า มี FC หวังดีเข้ามาร่วมวงชี้จุดว่า “ความปรารถนาดีของของอาจารย์สุรวงศ์นั้นประเสริฐแท้ แต่จะให้ได้ผลแก่ตัวเขาเอง เขาต้องทำเองด้วย” ผมก็แจงไปว่า “พระท่านทำของท่านอยู่ มีพระที่ขยันทำดีอีกมากที่ตกสำรวจ ไม่ปฏิเสธว่ากรรมเก่าทำให้เขาไม่ได้สมณศักดิ์

 

มุมมองที่น่าขบต่อ คือ ขอทานเคยใจแคบไม่ให้อะไรใครจึงเกิดมาเป็นขอทาน แต่กรรมใหม่ที่น่าสนใจ คือ ถึงแมจะมีคนกลุ่มหนึ่งไม่แยแสขอทานแต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใจดีให้เงินให้ของกิน ทำให้ขอทานรอดได้ มีขอทานหลายคนนิสัยไม่ดีมีตังค์แล้วเอาไปเล่นไพ่ แต่ก็มีขอทานนิสัยดีแบ่งเงินทำบุญ”
                                   ยลตามช่องมองข้ามช็อต ฉากที่ 8

“ชาติก่อนเขาเคยพร่องเพราะไม่ให้อะไรใคร ครั้นมาชาตินี้เขาเริ่มมีใจบริจาคเพราะเราช่วยเทใจให้เขาได้เรียนรู้ หากเราจะสตาร์ทอัพให้กำลังใจเขา เขาก็จะปิติในรสธรรมมากยิ่งขึ้น ข้ออ้างที่ว่า ตำแหน่งสมณศักดิ์มีจำกัด นั่นไม่ใช่ความคิดนักบริหาร ยังมีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกเยอะที่ช่วยงานศาสนาไม่สนใจว่าตนจะได้ รับพัดยศเป็นท่านเจ้าคุณหรือเปล่า เรามีอีกหลายสิ่งที่สามารถจัดหามาถวายเป็นกำลังใจให้กับพระมือเปล่า!”
 

FC ท่านยังถักใยต่ออีกนิดว่า “เหตุปัจจโย! วิปากปัจจโย!” (อมิตาภพุทธ!)

 

ผมก็บอกท่านว่า “พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้แจ้งว่าสัตว์โลกได้รับวิบากด้วยเหตุที่ตนได้กระทำเอาไว้นั้น ผมรู้อยู่แล้ว ประเด็นที่น่าสนใจมันอยู่ที่ว่า ถ้าเราเห็นใครไม่มีวาสนาแล้วเราก็ปลงว่ามันเป็นกรรมเก่าของเขา เราจึงเฉยเสีย ถ้าเฉยแล้วดีก็ควรที่จะเฉย หากเฉยแล้วเสียทำไมจึงเฉยอยู่” (ฮา)

 

“ธรรมะเป็นความรู้มีชีวิตตลอดกาล ธรรมะอยู่กับเราแต่ถ้าเราไม่เอามาปฏิบัติ ถึงแม้ธรรมะจะยังไม่ตายแต่การแช่แข็ งคือ ล็อคดาวน์ธรรมะไว้เฉยๆไม่เอามาพิจารณาต่อยอด เราและธรรมก็จะพลอยเสียราคากันเปล่าๆ

 

ปลงกันแบบนั้น เรียกว่า ปลงเพื่อปลิด (ปลิดภาระ ต๊ะ หลึ่ง ตึ่ง โป๊ะ!)  เด็กจนไม่มีทุนเรียน ครูรู้แล้วก็ปลงซะว่ากรรมเก่าของเขาแหละ หลงคิดแบบนั้นแล้วสังคมปัจจุบันนี้จะมีใครไปช่วยใคร ทำมาทำไป มนุษย์ป้า อาจจะ โอ.เค. มากกว่า มนุษย์ยถากรรม” 

 

เห็นด้วยกับท่าน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ท่านได้กล่าววาทกรรมทรงคุณค่าสะเทือนโลกเอาไว้น่าสนใจ ไม่ควรมองข้ามคติพจน์ที่ตกผลึกแล้วว่า  “ดอกไม้จะผลิบานเดียวดายไม่ได้ หลายดอกรวมกันจึงจะงดงาม!”