เน้นที่ใจให้มาสู่กาย

16 ก.พ. 2565 | 19:30 น.

คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราช รามัญ

ในบทสติปัฏฐาน 4 ที่เน้นสอนให้มีสติอยู่กับกาย เวทนา จิต และ ธรรม ในสังคมพุทธเมืองไทย มีความนิยมในการฝึกฐานกายอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถจับต้องได้ง่ายและค่อยๆ พัฒนาไปถึงฐานเวทนา จิต และธรรมได้

 

สำหรับผู้ไม่นิยมเข้าวัดปฏิบัติธรรมตามรูปแบบนั้น ถ้ามีความคิดอยากฝึกสติปัฏฐานสามารถทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเริ่มจากฐานกายและฐานใจ (จิต)​ไปพร้อมกันได้ หลายคนอาจสนใจวิธีนี้ แล้วควรฝึกอย่างไร

วิธีนี้เป็นของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลักการคือ การใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติธรรมดาโดยไม่ให้มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากการกระทำของเราตามที่เรากำหนดได้ เช่น นั่งเงียบ เดินเงียบๆ เบาๆ ทานข้าวเงียบๆ ไม่มีเสียงช้อนกระทบจาน ทำให้เบาๆ เงียบๆ หมด อาจเรียกว่า "กรรมฐานเงียบ" ก็ได้ ความเงียบจะเกิดขึ้นได้เพราะเรานำเอาสติมาจดจ่อกับสิ่งที่เรากระทำอยู่โดยมีสติตลอดเวลา จึงเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยลง

 

การฝึกแบบนี้เป็นการฝึกกายกับใจควบคู่ไป ผู้ฝึกสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทุกอย่าง พูดคุยทำงานสนนทนาได้ทุกเรื่องโดยไม่มีข้อบังคับอะไรทางศาสนาเลย เว้นเสียแต่ให้ทำทุกสิ่งอย่างด้วยความเงียบ แต่สิ่งใดเราควบคุมไม่ได้จริงๆอาทิ สตาร์ทรถ เราควบคุมไม่ได้ เป็นต้น แบบนี้ก็ควรปล่อยไป

การใช้หลักความเงียบ ที่เรียกว่า กรรมฐานเงียบนี้ สิ่งที่เราจะได้ คือ มีสติอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น จะมีการจดจ่อสมาธิดีขึ้นกับสิ่งที่เรากระทำ เมื่อเผลอก็ปล่อยไป แล้วเริ่มใหม่แบบนี้ไม่ช้าไม่นานเราก็จะมีสติอยู่กับตัวและใจมากขึ้นเป็นลำดับ

 

เป็นการฝึกโดยอาศัยกิจกรรมในชีวิตประจำวันมาเป็นการฝึก โดยไม่มีรูปแบบ และไม่ต้องแบ่งเวลาว่า นี่คือช่วงปฏิบัติธรรม เหมือนการมีรูปแบบที่ใส่ชุดขาวสวดมนต์ไหว้พระใดๆ นี่แล คือ อกาลิโก แท้ตามคำสอนของพระพุทธองค์

 

ถ้าเราเชื่อกันว่า การปฏิบัติธรรมได้บุญกุศลจริง การฝึกกรรมฐานเงียบที่เริ่มจากใจมาสู่กายแบบกรรมฐานเงียบนี้ ก็จะทำให้คุณได้บุญกุศลทุกลมหายใจทุกวินาที เพราะเราปฏิบัติตลอดเวลาโดยไม่ต้องแบ่งว่าเวลาใดปฏิบัติไม่ปฏิบัติ การฝึกแบบนี้จะเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องไปเองโดยธรรมชาติ

 

สติในตัวเราจะค่อยๆ เพิ่มพูน ความรู้สึกตัวคือสัมปชัญญะจะมากขึ้นทีละน้อย ความผิดพลาดในชีวิตจะมีน้อยลง เราจะค่อยๆ เห็นตัวเองชัดขึ้น มีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นด้วยตัวของเราเอง ฝึกแบบนี้อยู่บ้าน อยู่คอนโด ทำงาน ก็สามารถฝึกได้โดยไม่ต้องไปวัด แล้วในที่สุดคุณจะได้พบตัวเองที่ไม่ปรารถนาทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์เพราะตัวเราคุณเองเป็นต้นเหตุได้

 

การปฏิบัติธรรมแบบนี้แหละที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ใช่ไปนั่งสมาธิแข็งทื่อแบบพรหมลูกฟัก ฤาษีชีไพร เพราะผมเคยทำมานับ 10 ปี แล้วได้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว คือ ได้แค่ความสงบใจ

 

คนเราจะมีความทุกข์น้อยลง เมื่อเรามีสติมากขึ้น ไม่ใช่ทำสมาธิมากอย่างที่ชาวพุทธหลายคนเข้าใจ
 

#​ติดตามราชรามัญ https://www.facebook.com/rajraman164