หลายคนอาจไม่รู้ว่า “ต่อมไทรอยด์” และ “ความเครียด” ส่งผลกระทบต่อกันและกันอย่างลึกซึ้ง
ต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland) เป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็กที่บริเวณลำคอด้านหน้า ทำหน้าที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนไทรอยด์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเมตาบอลิซึมหรือการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย การเจริญเติบโตและพัฒนาการ การทำงานของหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบย่อยอาหาร และระบบประสาท” เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจอย่างชัดเจน
ในกรณี ของภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) หรือไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ผู้ป่วยมักมีอาการกระสับกระส่าย วิตกกังวล หงุดหงิด นอนไม่หลับ ในทางตรงกันข้าม ภาวะไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือไทรอยด์ต่ำ ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย คิดช้า และเซื่องซึม
นอกจากการทำงานที่ผิดปกติแล้ว ยังมีกลุ่มความผิดปกติของก้อนหรือรูปร่างต่อมไทรอยด์ ซึ่งมีทั้งภาวะคอพอก (Goiter) ซึ่งต่อมไทรอยด์โตโดยอาจทำงานปกติหรือผิดปกติก็ได้, ก้อนต่อมไทรอยด์ (Thyroid Nodule) ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นมะเร็งแต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย และมะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) โดยชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือมะเร็งไทรอยด์ชนิดพาพิลลารี (Papillary)
ความเครียดเรื้อรังที่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา กลับเป็นตัวการร้ายที่ทำลายต่อมไทรอยด์ สร้างวงจรอันตรายที่ส่งผลต่อชีวิตอย่างที่คาดไม่ถึง
ไทรอยด์ คือ “โรงไฟฟ้า” ของร่างกาย ต่อมเล็กๆ บริเวณคอที่ควบคุมการเผาผลาญพลังงาน การเจริญเติบโต และการทำงานของหัวใจ เมื่อทำงานผิดปกติ จะส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจทันที
ความเครียดเรื้อรังกระตุ้นระบบ HPA Axis ทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลมากผิดปกติ ส่งผลให้การเผาผลาญลดลงและกระทบต่อมไทรอยด์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคเกรฟส์และโรคฮาชิโมโตะ
วงจรร้ายที่มองไม่เห็น: ไทรอยด์ผิดปกติก็สร้างความเครียดกลับคืน ไฮเปอร์ไทรอยด์ทำให้วิตกกังวล กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ส่วนไฮโปไทรอยด์ทำให้ซึมเศร้า เหนื่อยล้า คิดช้า สร้างเป็นวงจรที่หลุดออกมายาก
สัญญาณเตือนที่ห้ามมองข้าม: ไฮเปอร์ไทรอยด์: กระสับกระส่าย วิตกกังวล ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก น้ำหนักลดผิดปกติ ไฮโปไทรอยด์: ซึมเศร้า เหนื่อยล้า คิดช้า ขี้ลืม น้ำหนักเพิ่มง่าย ผิวแห้ง ท้องผูกเรื้อรัง
แพทย์เตือนหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่น หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดสมองตีบ กระดูกพรุน หรือไทรอยด์วิกฤติที่คุกคามชีวิต
ป้องกันได้ด้วย การรับประทานอาหารครบคุณค่า บริโภคเกลือเสริมไอโอดีนพอเหมาะ นอนหลับ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่-แอลกอฮอล์ และที่สำคัญคือการจัดการความเครียด
“อย่ามองความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เป็นเรื่องธรรมดา หากมีอาการต้องสงสัย รีบพบแพทย์ตรวจฮอร์โมนไทรอยด์ เพราะการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณภาพชีวิตกลับมาดีได้”
ขอบคุณ : โรงพยาบาลวิมุต
Tricks for Life หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,101 วันที่ 1 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568