พกยาไปต่างประเทศ ต้องรู้! ยาไหนเอาไปได้? ต้องขออนุญาตไหม?

18 พ.ค. 2568 | 05:50 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2568 | 05:52 น.

พกยาไปต่างประเทศ ต้องรู้! ยาไหนเอาไปได้? ต้องขออนุญาตไหม? : Tricks for Life

ใครมีแพลนเที่ยวต่างประเทศ แล้วต้องพกยาประจำตัวไปด้วย หยุดอ่านตรงนี้เลย! เพราะการนำยาเข้า-ออกแต่ละประเทศ มีกฎหมายควบคุมที่แตกต่างกัน ถ้าไม่อยากมีปัญหาตอนเดินทาง มาเช็กกันก่อน!

ยาทั่วไป ไม่ต้องกังวล?

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่ต้องนำ "ยารักษาโรค" ติดตัวไปต่างประเทศ ยาทั่วไป หรือ ยาสามัญประจำบ้าน ส่วนใหญ่สามารถนำติดตัวไปในปริมาณที่เหมาะสมได้ โดยไม่ต้องขอรับอนุญาตแต่อย่างใด

ตัวอย่างยาที่มักจะนำไปได้โดยไม่ต้องขออนุญาต:

  • ยาลดไข้ ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol), พอนสแตน (Ponstan), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก เช่น คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine), เซทิริซีน (Cetirizine)
  • ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้เมารถ เช่น ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate)
  • ยาแก้ท้องเสีย เช่น ผงเกลือแร่, คาร์บอน
  • ยารักษาโรคประจำตัวทั่วไป เช่น ยาความดัน, ยาเบาหวาน, ยาละลายลิ่มเลือด

ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ! (ยาเสพติด, วัตถุออกฤทธิ์)

  • สำหรับยาในกลุ่มที่เป็น ยาเสพติด หรือ วัตถุออกฤทธิ์ มีการควบคุมเข้มงวดตามกฎหมายระหว่างประเทศ
  • ดังนั้น การจะนำยาในกลุ่มเหล่านี้ เข้า-ออกนอกประเทศ จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า ทั้งจากประเทศไทยและประเทศปลายทาง

ตัวอย่างยาที่มักอยู่ในกลุ่มควบคุม:

  • ยาคลายวิตกกังวล ยานอนหลับ เช่น อัลพราโซแลม (Alprazolam), ไดอะซีแพม (Diazepam), ลอราซีแพม (Lorazepam)
  • ยาแก้ไอที่มี Codeine เป็นส่วนผสม เช่น Codeine phosphate + Guaiphenesin (Ropect®)
  • ยาแก้หวัดคัดจมูก เช่น ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine - Tylenol Cold®, Actifed®, Sudafed®)
  • ยารักษาสมาธิสั้น เช่น เมทิลเฟนิเดต (Methylphenidate - Ritalin®, Concerta®)

ยาควบคุมตามประเภทที่ระบุในแหล่งข้อมูล:

  • ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เช่น มอร์ฟีน
  • ยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 เช่น ยาแก้ไอที่มีโคเดอีนเป็นส่วนผสม
  • วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เช่น ซูโดอีเฟดรีน
  • วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3, 4 เช่น ลอราซีแพม

ขั้นตอนสำคัญ! ต้องทำอย่างไร?

1. การนำยาติดตัวออกจากประเทศไทย

  • ตรวจสอบ รายชื่อยาและประเภทของยาว่าควบคุมเป็นยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ตามกฎหมายประเทศไทยหรือไม่
  • หากใช่ ต้องขออนุญาต นำยาติดตัวออกนอกประเทศ

รายละเอียดการขออนุญาตแตกต่างกันตามประเภทและปริมาณ:

  • กรณียาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 หรือ 3 (เช่น มอร์ฟีน, ยาแก้ไอที่มีโคเดอีน): ต้องขอรับใบอนุญาต ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนเดินทาง พร้อมด้วยใบสั่งแพทย์ ที่ระบุชื่อยา, รูปแบบ, จำนวนยา, ชื่อและที่อยู่ของแพทย์ผู้สั่งยา
  • กรณีวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 2, 3, หรือ 4 (เช่น ซูโดอีเฟดรีน, ลอราซีแพม):

ถ้านำติดตัวปริมาณการใช้ไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต แต่ ต้องมีใบสั่งแพทย์นำมาแสดง ตอนนำออกนอกประเทศ

ถ้านำติดตัวปริมาณการใช้เกิน 30 วัน ต้องขอรับใบอนุญาต ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนเดินทาง พร้อมด้วยใบสั่งแพทย์ ที่ระบุชื่อยา, รูปแบบ, จำนวนยา, ชื่อและที่อยู่ของแพทย์ผู้สั่งยา

ช่องทางตรวจสอบและขออนุญาต: สามารถตรวจสอบรายชื่อและประเภทของยา รวมถึงขออนุญาตผ่านทางเว็บไซต์ https://permitfortraveler.fda.moph.go.th/nct_permit_main หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองควบคุมวัตถุเสพติด อย. โทร. 025907346

2. การขอนำยาเข้าประเทศปลายทาง

  • ตรวจสอบ รายชื่อยาและประเภทของยาว่าเป็นยาห้ามนำเข้าของประเทศปลายทางหรือไม่ โดยเน้นตรวจสอบจาก "ตัวยาสำคัญ" มากกว่าชื่อการค้า
  • ศึกษารายการยาต้องห้ามของประเทศที่จะเดินทางไป เนื่องจากแต่ละประเทศมีกฎหมายควบคุมแตกต่างกัน นอกจากยากลุ่มยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ที่ทุกประเทศควบคุมแล้ว อาจมียาบางตัวที่บางประเทศควบคุมเพิ่มเติม

ตัวอย่างยาต้องห้ามที่ต้องขออนุญาตในบางประเทศที่ระบุในแหล่งข้อมูล:

  • ญี่ปุ่น: ยาแก้ไอ Codeine, ยาแก้หวัด Pseudoephedrine
  • สิงคโปร์: ยาแก้ไอ Codeine, ยารักษาโรคจิตหรือวิตกกังวล
  • เกาหลีใต้: ยาคลายวิตกกังวล/นอนหลับ (Alprazolam, Diazepam, Lorazepam), ยาแก้ไอ Codeine, ยาแก้หวัด Pseudoephedrine, ยารักษาสมาธิสั้น (Methylphenidate)
  • อียิปต์, อินเดีย: ยาแก้ปวด Tramadol

หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ หรือยาควบคุมที่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายของประเทศปลายทาง ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขออนุญาตก่อน โดย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานเอกอัครราชทูตของประเทศนั้นๆ ประจำประเทศไทย

เคล็ดลับเสริม เพิ่มความอุ่นใจ

  • ยาควรอยู่ในบรรจุภัณฑ์เดิม ที่มีฉลากแสดงรายชื่อยา ระบุเป็นภาษาอังกฤษชัดเจน
  • ควรมีใบสั่งแพทย์ หรือ ใบรับรองแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษ ที่ระบุโรคที่เป็น ยาที่ต้องใช้ และปริมาณที่ต้องใช้
  • ปริมาณยาที่พกไปควรสอดคล้องกับจำนวนวันเดินทาง และไม่ควรเกินกว่า 30 วัน

ไม่แน่ใจ? ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ!

  • หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับการนำยาติดตัวไปต่างประเทศได้
  • เว็บไซต์สำหรับสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบรายชื่อยาและข้อจำกัดการนำยาเข้าประเทศปลายทาง:
  • iatatravelcentre.com (รวบรวมข้อมูลข้อกำหนดประเทศปลายทาง)
  • www.incb.org (ข้อมูลกฎหมายควบคุมยาเสพติด/วัตถุออกฤทธิ์แต่ละประเทศ และแนวทางการนำยาไปต่างประเทศสำหรับผู้ป่วย)
  • mfds.go.kr (เว็บไซต์ FDA เกาหลีใต้ สำหรับสืบค้นยา การขออนุญาตนำยาเข้าเกาหลีใต้)
  • www.fda.gov (เว็บไซต์ FDA สหรัฐอเมริกา สำหรับตรวจสอบยาที่ได้รับอนุญาตและแนวทางการนำเข้ายาใช้ส่วนตัว)

เดินทางอย่างสบายใจ หายห่วงเรื่องยา อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนออกเดินทางนะคะ!

 

ที่มา: กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2568)