“เสียงปืนกลบการเมือง” เกมชายแดนกัมพูชา เปลี่ยนไทม์ไลน์การเมืองไทย?

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส ฉบับ 4156 ระหว่างวันที่11-13 ธันวาคม 2568 โดย...กาแฟขม 

*** ยังไม่ทันรุ่งสางของวันที่ 7 ธ.ค. มันมาอีกแล้ว ทหารเขมรของ ฮุนเซน ผู้นำของกัมพูชา ระดมยิงทั้งปืนเล็ก ปืนใหญ่ ปืน ค.เข้ามา จุดแรกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีที่บริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย มีการเคลื่อนย้าย รถถัง T-55 เข้าพื้นที่กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ทหารเขมรเตรียมพร้อมรบตลอดแนวชายแดน มีการสร้างที่กำบังเพิ่มเสริมความแข็งแรงที่มั่น เคลื่อนย้ายเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง RM-70 BM -21 ของกัมพูชา เข้าพื้นที่ จ.พระวิหาร พร้อมอพยพประชาชนออกจากแนวชายแดน ก่อนขยายแนวรบไปทั่ว4 จังหวัดชายแดนของไทย ตั้งแต่อุบลราชธานี ศรีษะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ การปะทะในพื้นที่ช่องบก อ.นํ้ายืน จ.อุบลราชธานี มีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย

*** ไทยตอบโต้เพื่อปกป้องอธิบไตย โดยกองทัพอากาศ ดำเนินการปฏิบัติการของกองทัพอากาศต่อเป้าหมายทางทหารในกัมพูชา โดยพบข้อมูลทางยุทธการพบการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์หนัก การจัดกำลังรบ และการเตรียมการสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา นำไปสู่การขยายวงของปฏิบัติการทางทหาร ในลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย จึงต้องใช้กำลังทางอากาศ เพื่อยับยั้ง และลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ โดยพื้นที่เป้าหมายเป็นกาสิโนที่เก็บโดรนปฎิบัติการทางทหารของกัมพูชา

***นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีระกูล เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค.ไฟเขียวให้กองทัพปฏิบัติการทางหารเต็มกำลังเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ขณะที่ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานอาเซียน โพสต์ในสื่อโซเชียล เรียกร้องให้ 2 ฝ่ายหยุดปะทะและกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา “รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การปะทะกัน เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายยับยั้งชั่งใจให้มากที่สุด และพยายามเปิดช่องทางการเจรจา อาเซียนไม่สามารถปล่อยให้ข้อพิพาทนี้ลากยาวจนกระทั่งกลายเป็นการเผชิญหน้าปะทะซํ้าแล้วซํ้าเล่า ต้องหยุดยิง คุ้มครองพลเรือน และฟื้นฟูความสัมพันธ์”
 

*** อนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรี ขอให้นานาชาติเชื่อข้อมูลประเทศไทย ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกเวที เรารักสงบ ไทยเป็นฝ่ายถูกคุกคามถูกรุกราน ถูกกระทำ และถูกยั่วยุ ในทุกกรณี ได้แสดงหลักฐานให้เห็นยื่นหนังสือไปยังองค์กรนานาชาติ ได้พิสูจน์และยืนยันไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ถูกรุกราน พร้อมสวนกลับนายกฯ อันวาร์ “คงไม่ให้เจรจาแล้ว ถ้าเขาดำเนินการกับเราถึงขนาดนี้ และเราก็ได้ตอบโต้ให้เขาเห็น เที่ยวนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่าการตอบโต้ของเรา ไม่ใช่การตอบโต้เพื่อส่งสัญญาณใดๆ แต่เป็นการตอบโต้ให้เขาเห็นว่าเขาไม่ควรเข้ามาคุกคามอธิปไตยของประเทศไทย การเจรจาก็จะไม่มีแล้ว จากนี้ไปถ้ากัมพูชาจะหยุดสู้รบกัน ก็ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด ” ไม่จำเป็นต้องคุยหรือแจ้งกับ นายกฯ อันวาร์ หรือ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของไทยกับคู่กรณี 

*** ก่อนทิ่มหมัดตรงๆ ถึง อันวาร์ อีกดอก กรณีขอให้ทั้ง 2 ประเทศยับยั้งชั่งใจ ถ้าจะบอกให้ประเทศไทยทำอะไร ขอวิงวอนคนที่เกี่ยวข้องและเป็นพยาน ควรจะต้องไปพูดกับคนที่รุกรานประเทศไทย ให้หยุดการกระทำเช่นนั้นเสียก่อน ไม่ใช่มาบอกให้ประเทศไทยต้องอดทนต่อไป ต้องหยุดหรือดำเนินการอะไร มันเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าอยากจะหยุดต้องบอกคนที่รุกรานไทยให้หยุด

*** เหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา กลับมาปะทุอีกรอบ และมีท่าทียืดเยื้อ ใหญ่ขึ้นกว่ารอบก่อน หลังไทยเผชิญนํ้าท่วมหนักที่ทำให้รัฐบาลเสียคะแนนไปอักโข เมาหมัด แน่นอนพื้นที่ข่าว พื้นที่สื่อจะถูกแทนที่ด้วยการสู้รบ แทนที่ด้วยความั่นคง แทนที่ด้วยศักยภาพของกองทัพ ฉะนั้นไทม์ไลน์การเมืองไทยอาจจะต้องเลื่อนออกไป อะไรๆ ที่วางกันไว้อาจยืดเยื้อออกไป...

หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,156 วันที่ 11 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568