KEY
POINTS
*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส” ฉบับ 4,149 ระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินหน้าเข้าสู่โหมด “เร่งเครื่องเต็มกำลัง” ในช่วงก่อนครบวาระ และ “ยุบสภา” ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 โดยล่าสุด ประกาศเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” เพิ่มเงินช่วยเหลือให้กับ “กลุ่มตกสำรวจ” คนละ 4,000 บาท พร้อมขยายสิทธิ์ให้กับผู้ที่เคยเข้าร่วมในเฟสแรก เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
*** นายอนุทิน เปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ว่า รัฐบาลได้เตรียมการเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ภายใต้นโยบาย “Quick Big Win” ซึ่งถือเป็นนโยบายเรือธงด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในการจับจ่ายใช้สอย “ถ้าใครตกสำรวจในเฟสแรก ก็ให้รอสมัครเฟส 2 เดิมทีให้คนละ 2,000 บาท ก็เพิ่มเป็นคนละ 4,000 บาท เพื่อไม่ให้ตกค้าง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเงินนี้รัฐบาลเตรียมไว้แล้ว”
*** แนวทางดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 1” ซึ่งเปิดให้ใช้จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท โดยรัฐบาลร่วมจ่ายครึ่งหนึ่งของยอดซื้อ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพและพยุงเศรษฐกิจฐานรากในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งถือว่ามีผลในเชิงบวก ทั้งในด้านการบริโภคภายในประเทศ และบรรยากาศการค้าในระดับชุมชน
*** นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ทั้งเรื่องเงื่อนไขการเข้าร่วม วงเงินต่อคน และการบริหารงบประมาณ โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม เพื่อให้สามารถเริ่มใช้จริงได้ในเดือนมกราคม 2569 กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมของการให้สิทธิ์ในแต่ละกลุ่ม เช่น ผู้ที่ได้รับเงินในเฟสแรก 2,000 บาท อาจได้รับเพิ่มอีกในเฟส 2 รวมเป็น 4,000 บาท หรือจะให้เฉพาะผู้ตกสำรวจในรอบแรก ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรอบงบประมาณและความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
*** มาตรการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” ถูกมองว่า เป็นสัญญาณของการเดินเกม “ประชานิยมก่อนยุบสภา” ที่ “รัฐบาลอนุทิน” ต้องการใช้เป็น “แรงส่งทางการเมือง” สร้างความนิยมและขยายฐานเสียง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของฐานเสียงพรรคภูมิใจไทย โครงการลักษณะนี้ นอกจากสร้างภาพลักษณ์ “รัฐบาลที่ใส่ใจประชาชน” แล้ว ยังช่วยปลุกบรรยากาศการใช้จ่าย และสร้างตัวเลขจีดีพีให้ขยับในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีเลือกตั้ง 2569
*** นอกจาก “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” แล้ว รัฐบาลยังขับเคลื่อนมาตรการประชานิยมชุดใหญ่หลายรายการต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ลดภาระค่ารักษาและค่ายา มูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาทต่อปี, โครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มรายได้น้อย, มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทยแลนด์สไมล์ ที่จะมอบส่วนลดค่าเดินทางและที่พักในจังหวัดรอง, มาตรการสินเชื่อพอเพียง ผ่านธนาคารของรัฐ เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อย, มาตรการแก้หนี้ประชาชน ... ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงแนวทาง “รัฐสวัสดิการเชิงรุก” ของ “รัฐบาลอนุทิน” ที่ต้องการสร้างภาพรัฐบาลที่ “ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และวางรากฐานให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาฟื้นตัว
*** ในเชิงการเมือง “คนละครึ่งพลัส” ไม่ได้เป็นเพียงโครงการเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือทางการเมือง” ที่ทรงพลังในการสร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง อันอาจช่วยให้ “พรรคภูมิใจไทย” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ “อนุทิน” ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 2 ก็เป็นไปได้...