KEY
POINTS
***หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส “ฉบับ 4,130 ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2568 โดย...กาแฟขม
***ไม่มีเวลา ครม.ใหม่ของ “อนุทิน 1” นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีระกูล ต้องเร่งมือทำงานทันที เพื่อสร้างผลงานให้ได้ ก่อนยุบสภาในเวลา 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย ฉะนั้น ผลงานต้องเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง แต่ผลจะไม่เกิดทันที การลงนโยบายอะไรไป ต้องใช้เวลาในการให้เงินหมุนสะพัด แม้การแจกเงินโดยตรง หรือ “คนละครึ่ง” อะไรก็ตามแต่
*** ดูจากทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจตามที่ ปรากฏหน้าสื่อ ก็ดูไฉไลงามตาหน่อย ทั้ง คลัง พาณิชย์ พลังงาน ต่างประเทศ ถ้าเป็นคนนอกได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ก็เป็นการดี ล่าสุดมีชื่อ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี มานั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ก็ดูจะเป็นทีมรัฐมนตรีที่หวังได้หน่อย แต่ตัวรัฐมนตรีท่องเที่ยว ตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เท่าที่เห็น ก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง เอาเถอะ ไม่สามารถจัดครม.โดยหลีกหนีการเมือง เรื่องโควต้า เรื่องเก้าอี้ได้ ก็ต้องทำใจรับๆ ไป ประเทศไทยไม่ว่ายุคสมัยไหนจะลากตั้ง หรือ เลือกตั้ง ข้ามขั้ว หรือ ข้ามค่าย ก็ไม่มีหรอก ครม.ดรีมทีม หรือ ครม.ในฝัน
*** ปฎิเสธไม่ได้ “ครม.หนู 1” รัฐบาลเฉพาะกิจ (ถ้าทำตาม MOA) วางรากฐานแก้ปัญหายาวไม่ได้ ฉะนั้นการทำงานต้องเอาปัญหาเฉพาะหน้ามากาง และแก้ให้ตรงจุดทันที นโยบายการคลัง ต้องประสานเข้ากับนโยบายการเงินแบบแนบชิด เดินไปพร้อมกัน เดินไปด้วย ผลัดกันชกคนละที ตุ๊บ ตั้บๆ ตะลุมบอน จึงจะเกิดลูกระนาด ตีแล้วสะท้อนก้องกังวาลยาวนานเสียงดัง พยายามข้ามเงื่อนไขข้อจำกัดให้ได้มากที่สุด จะได้รีบมุดออกจากอุโมงค์อันมืดทึบได้
*** อนุทิน และ ครม. มาในสถานการณ์ที่ถูกจับจ้องมองใกล้ชิด ไปขอเขามา ไปดีลเขามา แสงสว่างจึงส่องไสว ใครที่คิดทำแบบเดิม บริหารแบบในอดีต จะถูกแสงส่องให้บาดตา ต้องยอมรับว่า โควต้า ครม.ที่จัดสรรให้นักการเมือง กลุ่มการเมือง มีประเภทที่เรียกว่า “สายล่อฟ้า” อยู่จำนวนไม่น้อย เข้าขั้น “ยี้” อยู่ไม่น้อย แม้มีตัวช่วยทรงพลัง ก็มิอาจไหว ขืนทำอะไรบุ่มบ่าม ก็มีอันลากกันให้พังพาบไปด้วย เป็นหน้าที่ ของ “หนู” ที่ต้องดูให้ดี นอกจากดูคนอื่นให้ดีแล้ว ตัวเองยังต้องเดินดีๆ โดยเฉพาะความเป็นายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย ที่มีคดีดังเป็นที่จับตามอง จะทำให้เป็นโบแดงอาจพลิกเป็นโบดำทันทีก็เป็นได้
*** วิสัยคนไทย มักเห่อกับของใหม่ แต่ เบื่อง่าย เล่นบทจะทิ้ง ก็ทิ้งกันแบบดิ่งในทันที นักการเมืองผู้เจนจัดต้องตระหนัก สำนึกให้มั่น ดันให้กระแสความสดใหม่ไปต่อให้ได้ยาวๆ กลเม็ดพวกนี้ ครูใหญ่ เขามีของ สมัยบริหารเอง มีวิธีการที่สร้างชื่อ สร้างผลงานได้ สร้างเรื่องให้คนอื่นไปตาม ไปโฟกัสได้เสมอ แค่รับงานมากำกับดูแลบริหารเพียง 1 กองในกรมก็ทำงานได้ แถมสร้างชื่อได้เสียด้วย .
*** ไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อม 100% ในโลกนี้ เอาแค่พอเดินกันไปให้ได้ เปลี่ยนแปลงไปตามวิถี จะปกติหรือไม่ปกติเป็นที่รู้กัน เมื่อเปลี่ยนผ่านแล้ว ก็ต้องลุยทำงาน ให้เป็นที่ประจักษ์ ทำงานบริหาร ชี้แนะ ให้แนวทาง ช่วยเหลือเกื้อกูล อำนวยความสะดวก ไม่ใช่เพิ่มงานให้ข้าราชการประจำ โดยเฉพาะงานยากๆ ที่ต้องเสี่ยงๆ เรื่องสุ่มเสี่ยงผิดกฎบัตร กฎหมาย อย่าให้คนไปตายแทนเชียวนะ พระเดช พระคุณ ฯพณฯ ทั้งหลาย...
คอลัมน์ฐานโซไซตี หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,130 วันที่ 11 - 13 กันยายน พ.ศ. 2568