KEY
POINTS
*** ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาหุ้นของ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ถือเป็นหุ้นที่มีอิทธิพลต่อการขึ้น หรือ ลงของดัชนีหุ้นไทยมากที่สุด แต่เนื่องจากการที่ DELTA เป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 1,247,381,614.00 บาท มีสินทรัพย์รวม 144,793.07 ล้านบาท
ในขณะที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ทุนจดทะเบียนถึง 28,562,996,250 บาท มีสินทรัพย์รวม 3.32 ล้านล้านบาท ทำให้หากนำมาเทียบกันแล้ว DELTA ดูเหมือนจะเป็นได้เพียงหุ้น “บวมน้ำ” ที่ไม่อาจเทียบได้กับหุ้นกินรวบเบอร์หนึ่งของไทย อย่าง บมจ. ปตท. หรือ PTT ได้เลย...
ในเมื่อเทียบกันไม่ได้...ทำไมหุ้นอย่าง DELTA จึงถูกเรียกว่าเป็น “หุ้นเบอร์หนึ่ง” ของตลาดหุ้นไทยจนถึงตอนนี้ ???
อย่างแรก...หากนับเอาความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรทางธุรกิจโดยรวม จะพบว่า ในขณะที่ DELTA เป็นเพียง “หัวเดียวกระเทียมลีบ” แต่ในทางฝั่งของ PTT คือ บริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ซึ่งก็คือ บริษัทแม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อถือหุ้น ควบคุมในบริษัทอื่น (บริษัทย่อย) เป็นหลัก ทั้งนี้ PTT มีบริษัทย่อยจำนวนหลายสิบแห่ง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบไปด้วย
• PTTEP (บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม): ทำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทุนจดทะเบียน 3,969,985,400 บาท
• PTTGC (บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล): ธุรกิจปิโตรเคมี ทุนจดทะเบียน 45,088,491,170 บาท
• TOP (บมจ. ไทยออยล์): ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี ทุนจดทะเบียน 22,338,355,660 บาท
• IRPC (บมจ. ไออาร์พีซี): ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี ทุนจดทะเบียน 20,475,000,000 บาท
• OR (บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก): ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก (Café Amazon, Xpress Mart) ทุนจดทะเบียน 120,000,000,000 บาท
• GPSC (บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่): ธุรกิจไฟฟ้าและพลังงาน ทุนจดทะเบียน 28,197,293,710 บาท
• GGC (บมจ. โกลบอลกรีนเคมิคอล): ธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ทุนจดทะเบียน 9,724,833,650 บาท
อย่างที่สอง...เป็นเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้น...ซึ่งจะพบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ทางฝั่งของ PTT ในอันดับที่ 1 และ 2 จะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หรือ หน่วยงานที่สนับสนุนโดยภาครัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงการคลัง และ กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) จำนวน 48.88%
ในขณะที่ทางฝั่งของ DELTA จะมีทาง DELTA ELECTRONICS INT'L (SINGAPORE) PTE. LTD. และ DELTA INTERNATIONAL HOLDING LIMITED B.V. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) จำนวน 23.57%
อย่างที่สาม...เมื่อเปรียบเทียบ “อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน” พบว่า เรื่องนี้ทางฝั่งของ PTT ทำได้ดีกว่า โดยทางฝั่งของ PTT มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 6.83% ขณะที่ DELTA มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 0.27% เท่านั้น
ทั้งนี้หากดูตามตัวเลขพื้นฐานจะพบว่า ถึงแม้ PTT ดูจะยิ่งใหญ่กว่า DELTA ในแทบทุกด้าน...แต่หากจับสังเกตให้ดีจะพบว่า มีจุดสำคัญที่ทาง DELTA ได้เปรียบ PTT อยู่ไม่น้อย!!!
เรื่องแรก... คือ การที่ DELTA มีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เพียง 23.57% ซึ่งด้วยตัวเลขเพียงเท่านี้ ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดของ DELTA มีอยู่เพียงไม่กี่สิบล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นจดทะเบียนที่มีอยู่กว่า 1.2 ล้านหุ้น ส่งผลให้การดันราคาหุ้นของ DELTA ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ก็สามารถดันราคาขึ้นได้
แตกต่างจากทางฝั่งของ PTT ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) จำนวนถึง 48.88% ส่งผลให้การขยับราคาในแต่ละช่องเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เรื่องที่สอง... คือ เรื่องของ “อัตรากำไรสุทธิ” ซึ่งเป็นตัวสะท้อนความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ก็จะพบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ทางฝั่งของ DELTA แม้จะทำกำไรได้เพียง 17,558.56 ล้านบาท แต่ก็มีอัตรากำไรสุทธิ ที่สูงถึง 12.33%
ขณะที่ทางฝั่งของ PTT ในช่วง 9 เดือนแรกของปีจะมีกำไรสุทธิสูงถึง 64,631.73 ล้านบาท แต่ก็พบว่า PTT มีความสามารถในการทำกำไรสุทธิเพียงแค่ 2.26% เท่านั้นเอง
อย่างที่สาม...หากนับเอามูลค่าทางการตลาด (Market Capitalization) เป็นตัวเปรียบเทียบ จะพบว่า แม้ในปัจจุบัน DELTA จะมีมูลค่าทางการตลาดเหลือเพียง 2.15 ล้านล้านบาท ลดลงมากกว่า 33% จากเคยขึ้นไปถึง 2.9 ล้านล้านบาท เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2568
แต่เมื่อเทียบกับ PTT ซึ่งมีมูลค่าการตลาดเพียง 8.85 แสนล้านบาท ในปัจจุบัน ก็พบว่า DELTA มีมูลค่าทางการตลาดที่ใหญ่กว่าเกือบ 3 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่า PTT จะมีตัวเลขที่ดี หรือ มีความยิ่งใหญ่มาจากที่ไหน แต่ท้ายที่สุดในเมื่อการจัดอันดับหุ้นแบบสากลนิยม จะใช้เรื่องของ Market Cap เป็นตัวตั้งมีผลให้ DELTA ได้เปรียบในเรื่องนี้ จนสามารถยืนอยู่หัวแถวแซงหน้า PTT แบบไม่เห็นฝุ่นมาได้ตลอดนั่นเอง
สรุป...เรื่องแบบนี้แล้วแต่ใครจะชอบ หรือ ใครจะคิด เพราะหากนับเอาตาราง Market Cap เป็นตัวตั้ง ก็ต้องเป็นทางฝั่งของ DELTA ที่จะมาเป็นอันดับที่หนึ่ง อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หากวัดกันด้วยเรื่องของจำนวนสินทรัพย์และความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร แน่นอนว่า คงจะหนีไม่พ้นไปจาก PTT ที่จะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ของหุ้นไทยอยู่แล้ว ของแบบนี้มันแล้วแต่คนเชื่อและคนชอบเจ้าค่ะ อิอิอิ