ว่าด้วยเรื่องของรัฐบาล ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น!

02 ธ.ค. 2568 | 22:30 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 06:56 น.

ว่าด้วยเรื่องของรัฐบาล ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

KEY

POINTS

  • พรรคเพื่อไทยซึ่งถูกนิยามว่าเป็น "ฝ่ายแค้น" เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย
  • นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะยุบสภาทันทีหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
  • การยุบสภาจะทำให้รัฐบาลถูกกล่าวหาว่าหนีปัญหา ขณะที่พรรคเพื่อไทยจะถูกมองว่าสนใจแต่เกมการเมืองมากกว่าความเดือดร้อนของประชาชน

แม้สัญญา MOA (Memorandum of Agreement) ระหว่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีประเด็นสำคัญในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ สามารถทำให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก้าวขึ้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย ด้วยคำมั่นที่บอกว่าจะยุบสภาปลายเดือนมกราคม 2569 จะยังไม่ทันได้เกิดสัมฤทธิผลใดๆ 

แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย...พรรคที่วางตัวว่าแม้จะไม่ใช่พวกเดียวกับพรรครัฐบาล แต่ก็เคยไม่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายค้าน จนกูรูการเมืองให้นิยามว่าเป็น “พรรคฝ่ายแค้น” เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่งผลให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส่งสัญญาณว่าพร้อมยุบสภา ในวันที่ 12 ธันวาคม หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันทีเช่นกัน

ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเป็นการยื่นญัตติอภิปรายภายใต้มาตรา 151 หรือ 152 เอาแค่ว่านาทีนี้หากเกิดการยุบสภาขึ้นมาจริงจะเกิดอะไรขึ้น!!!

แน่นอนว่าในนาทีนี้หากมีการประกาศยุบสภาภายใต้แรงกดดันในเรื่องของการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลขึ้นมาจริง ในฝั่งของพรรคภูมิใจไทยในฐานะของรัฐบาลย่อมจะต้องถูกกล่าวหาว่า “ยุบสภาเพื่อหนีปัญหา” ในเรื่องวิฤตการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 

เนื่องจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดทั้งเรื่องของการบริหารจัดการระบบการระบายน้ำ และการบริหารจัดการในเรื่องของการบรรเทาสาธารณะภัย ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลกำลังถูกโจมตีมากที่สุด

แต่ในทางกลับกันในฝั่งของพรรคเพื่อไทย ก็จะถูกกล่าวหาว่า สนใจแต่เกมแย่งชิงอำนาจทางการเมือง โดยไม่สนใจประชาชนจำนวนมากซึ่งกำลังรอความช่วยเหลือจากวิฤตการณ์น้ำท่วมอย่างยากลำบาก!

ขณะเดียวกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรครัฐบาล พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายแค้น พรรคใดจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบมากที่สุด หากมีการยุบสภาขึ้นมาจริง ???

หากพิจารณาในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอยู่ในฐานะแกนนำพรรครัฐบาล ที่กุมอำนาจยุบสภาเอาไว้ในมือ จะพบว่ามีการเตรียมตัวรองรับสถานการณ์ไว้ตลอดเวลา 

เริ่มตั้งแต่การชิงประกาศชื่อของแคนดิเดตนายกฯ อันได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ 

ขณะที่นับตั้งแต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการโยกย้ายข้าราชการนับตั้งแต่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมาเพื่อให้อยู่ในแถวที่พรรคภูมิใจไทย สามารถควบคุมและสั่งการได้โดยตรงจำนวนมาก 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักการเมืองจากหลายค่ายทยอยเข้ามาร่วมสังกัดอยู่ภายใต้ร่มเงาของพรรคภูมิใจไทยจำนวนมาก

ในส่วนของเรื่องภาวะเศรษฐกิจซึ่งถือเป็นจุดชี้วัดสำคัญ พบว่า พรรคเพื่อไทย แม้จะยังไม่มีผลงานที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่ภาพลักษณ์ที่ผ่านออกมาทางงานประชาสัมพันธ์กลับถือว่าทำได้ดี...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการคนละครึ่งพลัส หรือนโยบายทางการเงินที่ยืดหยุ่น รวมไปถึงเรื่องการใช้กระแสชาตินิยมเข้ามาสร้างคะแนนนิยมที่ก็ถือว่าทำได้ดีกว่ารัฐบาลก่อนหน้าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเจ๊เมาธ์ ซึ่งให้ความสนใจในเรื่องตลาดเงินตลาดทุนรวมไปถึงตลาดหุ้นเป็นพิเศษ...เจ๊เมาธ์ยังถือว่าพรรคภูมิใจไทย สอบไม่ผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทย ซึ่งถือว่าต่ำแล้วต่ำอีกจนน่าใจหาย...

คราวนี้มาต่อด้วย “พรรคประชาชน” ซึ่งแม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นกำลังหลักที่สนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย ได้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี 

สำหรับพรรคประชาชน นอกจากเรื่องของการตรวจสอบนักการเมืองและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ถือว่าทำได้ดี และอุดมการณ์ทางการเมืองแบบ “เสรีนิยมที่สุดขั้ว” พบว่านอกจากการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล และ นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รวมไปถึงข่าวที่ว่าทางพรรคมีจำนวนตัวเลือกผู้ที่สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคเป็นจำนวนมาก ก็ยังไม่พบว่า “พรรคประชาชน” มีการดำเนินการอื่นใด 

นอกจากนี้เนื่องด้วยพรรคการเมืองนี้ เป็นพรรคการเมืองที่มีแต่นักการเมืองรุ่นใหม่ซึ่งยังไม่เคยได้บริหารประเทศไม่ว่าจะเป็นกระทรวงใด ดังนั้น แม้จะไม่สามารถประเมิน หรือเปรียบเทียบได้ว่านักการเมืองของพรรคประชาชน มีขีดความสามารถในการบริหารงานในระดับไหน แต่ก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่า คนของพรรคประชาชนจะด้อยกว่าคนของพรรคอื่นๆ

ท้ายที่สุดมาถึง “พรรคฝ่ายแค้น” อย่าง พรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้บริหารประเทศต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แต่เนื่องจากทั้ง นายเศรษฐา และ นางสาวแพทองธาร มีอันต้องออกจากตำแหน่ง เพราะข้อกำหนดทางกฎหมาย 

และในขณะเดียวกันแม้ว่า ในอดีตของพรรคเพื่อไทย จะเคยประสบความสำเร็จหลายอย่างในสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แต่ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของ นายเศรษฐา หรือ นางสาวแพทองธาร กลับไม่สามารถที่จะสร้างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ 

ขณะเดียวกัน การที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยังคงถูกจำคุกก็ทำให้รอยต่อทางอำนาจของพรรคเพื่อไทย และเส้นสายทางการเมืองที่เคยมีถูกตัดขาดจนแทบจะไม่เหลือ

อย่างไรก็ตาม...แม้กูรูทางการเมืองหลายคนระบุตรงกันว่า พรรคเพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคอันดับสาม ในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า แต่เนื่องด้วยการที่มีประสบการณ์ทางการเมืองอันยาวนาน ก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์ในการแก้เกมทางการเมืองไว้อย่างแน่นอน ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงมองว่าคงไม่สามารถที่จะมองข้ามอดีตพรรคเบอร์หนึ่งพรรคนี้ไปได้ง่ายๆ

เรื่องทางการเมืองแม้จะเป็นเรื่องที่ดูยุ่งยากและวุ่นวาย แต่ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนของการดำรงชีวิตของประชาชน ดังนั้นการจะทำความรู้จักนักการเมืองในแต่ละพรรคเอาไว้ จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายและควรทำเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย…เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์