สัญญาหุ้น IPO สัญญาณคืนชีพหุ้นไทย...

*** หลังจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ช่วงถดถอย จนทำให้การมองดูพอร์ตหุ้นกลายเป็น “ของแสลง” รวมไปถึงการพูดถึงเรื่องหุ้นเป็นสิ่ง “ระคายหู” ทำให้นักลงทุนหลายคนแทบไม่อยากฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดหุ้น IPO ที่ตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา 8 เดือน มีหุ้น IPO เข้าตลาดฯ เพียง 6 ตัว โดยมี HANN เป็นหุ้น IPO ตัวล่าสุด ที่เพิ่งจะเข้าตลาดไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา  

คำถามคือ...ทำไมตลาดหุ้นไทยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา จึงมีหุ้น IPO เพียงแค่ 6 ตัวเท่านั้น ??? 

คำตอบแรก...ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยหุ้นค้างท่อที่เตรียมตัวรอจำนวน 21 ตัว แบ่งออกเป็น ในส่วนของ SET จำนวน 10 ตัว ประกอบไปด้วย TURBO, MRDIY, ATLAS, MASTEC, ONSENS, PTF, SMO, PITAK, UNIX, TNCC ในขณะที่ตลาด mai มีหุ้นค้างท่อที่เตรียมตัวรอจำนวน 11 ตัว ประกอบไปด้วย SKIN, STCC, MMM, 88TH, IDG, WASH, NTFG, GP, TEBP, PETPAL และ OPS ซึ่งก็ถือว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีหุ้น IPO น้อยเกินไปแต่อย่างใด

คำตอบที่สอง...จากข้อมูลต่อเนื่องก็จะพบว่า ในหุ้น 5 ตัว ที่เข้าตลาดไปก่อนหน้า ซึ่งประกอบไปด้วย PIS, MOTHER, LTMH, BKA และ NUT (ไม่นับรวม HANN ที่เพิ่งเข้าตลาด) แม้ว่าในการเปิดทำการซื้อขายวันแรก (First Trading Day) มีหุ้น NUT เพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ปิดตลาดวันแรกด้วยราคาหุ้นที่ต่ำกว่าราคาจองซื้อ แต่มีเพียงแค่ PIS ตัวเดียวเท่านั้น ที่สามารถยืนราคาหุ้นหน้ากระดานเหนือราคาจองซื้อมาได้จนถึงวันนี้ 

ที่ว่ามาทั้งหมด หมายความว่า ปัญหาเรื่องหุ้น IPO ของตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่เรื่องของการไม่มีหุ้นตัวใหม่ที่จะเข้าตลาดฯ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่บริษัทจดทะเบียน “เข้าไม่ได้หรือไม่กล้าเข้า” ต่างหาก!!! 

แน่นอนว่า ในส่วนของการ “เข้าไม่ได้” อาจมาจากปัญหาในเรื่องของเกณฑ์ข้อบังคับในการเข้าตลาดที่เข้มงวดมากขึ้น การเปลี่ยนระบบบัญชีใหม่ รวมไปถึงปัญหาที่อาจเกิดจากตัวผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารที่มีความไม่โปร่งใสไม่เพียงพอ จนทำให้หุ้นหลายตัวต้องถอย 

แต่สิ่งที่เจ๊เมาธ์มองว่าน่าสนใจ กลับเป็นเรื่องที่บริษัทจดทะเบียน “ไม่กล้าเข้าตลาดฯ” ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับหลายบริษัทในตอนนี้.... 

ปัญหาแรก คือ เรื่องของบรรยากาศในการลงทุน ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเหมือนจะไม่ดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเงินที่ค่อนข้างเข้มงวดเนื่องจากความต้องการควบคุมเงินเฟ้อ รูปแบบการดูแลตลาดหลักทรัพย์ ที่ดูเหมือนจะทำแบบเช้าชามเย็นชามไม่มีอะไรจริงจัง...ประมาณว่า มีคนบ่นก็แก้ แต่ถ้าไม่มีคนพูดถึงก็ปล่อย จนทำให้นักลงทุนทั้งไทย และ ต่างชาติ ต่างเบนเข็มทิศการลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่นหรือสินทรัพย์อื่นที่มีเสถียรภาพมากกว่า...

ปัญหาอย่างที่สอง คือ หลายบริษัทลังเลว่า จะเข้าตลาดฯ ดีหรือไม่ ทั้งที่บริษัทเหล่านั้นผ่านการตรวจสอบมาแล้ว คือ ปัญหาสถานการณ์ของการลงทุนในตลาดหุ้นที่ซบเซา โวลุ่มซื้อขายในแต่ละวันที่มีน้อยมากๆ ปัญหาดัชนีหุ้นมีแต่ถอยหลังลงทุกวัน และสำคัญที่สุดคือ สภาพหุ้น IPO ตัวอื่นที่เข้าไปก่อนหน้า ต่างประสบกับภาวะต่ำราคาจองแทบทุกตัวจนไม่มีใครรับประกันได้ว่า ถ้าหุ้นที่เข้าตลาดในตัวต่อๆ มาจะไม่เจอปัญหาเดียวกัน 

ท้ายที่สุด คือ ปัญหาเรื่องราคาหุ้นที่เสียทรง หลังจากเกิดภาวะที่ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาจองซื้อ แม้ว่าบริษัทนั้นจะดี หรือ มีศักภาพแค่ไหน ทั้งนี้ก็เป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อชื่อของหุ้น มักผูกพันอยู่กับความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และความสามารถในการดูแลราคาหุ้น  

ซึ่งหากว่า ราคาหุ้นเสียทรงไปตั้งแต่ช่วงแรก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาดหรือต่ำจอง หลังจากที่เข้าตลาดไปแล้ว อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อบริษัทในระยะยาว 

ดังนั้นสำหรับตลาดหุ้นไทย ...เรื่องของบรรยากาศ และข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เอื้อต่อการลงทุนจึงจำเป็นมากที่สุด ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นไทย ที่ปรับตัวกลับดีต่อเนื่องกันกว่า 5 สัปดาห์ รวมไปถึงสัญญาณของราคาหุ้น IPO น้องใหม่อย่าง HANN ที่ราคาเปิดตัววันแรกทำได้อย่างโดดเด่น 

อาจเป็นได้ว่า นี่คือผลต่อเนื่องมาจากการที่ผู้จัดการตลาดฯ คนใหม่ ที่เข้มข้นมากขึ้นแล้ว ผู้ว่าการ ธปท. ก็กำลังจะเข้ามาทำงาน และไม่แน่ว่า อาจมีรัฐบาลใหม่ ที่มีเสถียรภาพมากกว่าในเวลาอีกไม่นาน นับจากนี้ก็เป็นได้...

สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊ก็หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นนะคะ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายอยู่แล้ว หรือ หุ้น IPO ที่กำลังจะเข้ามาใหม่ ถ้าบรรยากาศการลงทุนมันได้ ไม่ว่าอะไรมันก็ง่ายอยู่แล้วเจ้าค่ะ อิอิอิ...

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์