JKN! สวยแต่รูป...

11 มิ.ย. 2568 | 00:00 น.

JKN! สวยแต่รูป... : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** ช่วงปลายเดือนเมษายน...ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่า JKN ซึ่งมี “แอน จักรพงษ์” เป็นผู้บริหารสูงสุด “เปิดหน้าชน” กับ ก.ล.ต. เต็มตัว!!! โดยไม่ทำตามคำสั่ง หลัง ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้ โดยให้ JKN และ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ต้องจ่ายค่าปรับ พร้อมห้าม นายจักรพงษ์ เป็นกรรมการ หรือ ผู้บริหารบริษัทในตลาดฯ โดยทาง JKN มีแถลงการผ่าน Facebook JKN18 ว่ายังคงเคารพต่อคำวินิจฉัยของ  ก.ล.ต. แต่ JKN “ไม่อาจเห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของสำนักงาน ก.ล.ต.” โดยแจ้งว่า บริษัทจะจ่ายค่าปรับผ่านศาลล้มละลายกลาง

ส่วนกรณีของ จักรพงษ์ บริษัทระบุว่า ยังมีคุณสมบัติบริหารบริษัทตามสิทธิ์ตามกฎหมาย และยังคงเป็นผู้บริหารของ JKN ต่อไป ซึ่งถือเป็นการ “ชน” กับ ก.ล.ต. อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ก่อนที่จะไปถึงผลลัพธ์ที่ได้เกิดขึ้น และสิ่งที่กำลังจะเกิดตามมา...เราคงต้องว่ากันถึงสาเหตุกันก่อน 

เรื่องแรก... เป็นปัญหาของ “ความมั่นหน้า” ของ JKN ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ แอน จักรพงษ์ ซึ่งในสมัยหนึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารข้ามเพศ ที่รวยที่สุดคนหนึ่งของโลก จากการจัดอันดับโดย “นิตยสารฟอร์บส์” ของสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ กว่า 6.3 พันล้านบาท ซึ่งความรวยและความสำเร็จที่ว่า อาจส่งผลให้ใครก็ตามที่เคยก้าวไปอยู่ในจุดนี้ กล้าแสดงความมั่นใจโดยที่ “ไม่สนใจโลก” ออกมาได้ในทุกเรื่อง

อย่างที่สอง...เป็นเรื่องของ JKN ซึ่งอาจมองได้ว่า เป็น “แดนสนธยา” โดยเฉพาะในเรื่องของจำนวนหุ้นของ JKN ที่ “แอน” มีอยู่ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟู ก็ปรากฏว่า แอน เคยขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ท้ายที่สุด แอน ก็ยังถือหุ้นใหญ่ใน JKN อยู่เช่นเดิม ส่งผลให้ แอน สามารถคุมเสียงส่วนใหญ่ในบอร์ดได้อย่างเบ็ดเสร็จนั่นเอง

อย่างที่สาม...เป็นเรื่องของการเข้าสู่แผนฟื้นฟูฯ ซึ่ง “ศาลล้มละลายกลาง” มีคำสั่งแต่งตั้ง JKN เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ตามการร้องขอของ JKN แม้จะมีเสียงคัดค้านจากเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเหตุให้ทั้ง JKN และ แอน มั่นใจว่า การที่บริษัทอยู่ในแผนฟื้นฟู ที่อยู่ภายใต้การควบคุมยึดโยงอยู่เพียงแต่เรื่องของศาลล้มละลายกลาง โดยที่อาจหลงลืม หรือไม่สนใจคำสั่งของหน่วยงานอื่น ที่ไม่ได้ส่งออกมาจากศาลล้มละลายกลางก็เป็นได้

คราวนี้มาถึงเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดตามมาภายหลังการ “เปิดหน้าชน” กับ ก.ล.ต. กันบ้าง...

เรื่องแรก...ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด คือ การที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ และ/หรือทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง และไม่ตรงต่อความเป็นจริงในงบการเงินประจำปี 2566 ทั้งนี้แม้ว่าทั้ง จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ และ พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการ กรรมการชุดย่อย และผู้บริหารของบริษัท แต่ก็เป็นการลาออกหลังจากที่มีปัญหา ซึ่งหลายฝ่ายมองเรื่องนี้มีแนวโน้มว่า อาจกลายเป็น “คดีอาญา” ตามมาได้ในอนาคต

เรื่องที่สอง... เป็นผลที่อาจเกิดขึ้นตามมาหลังการ “เปิดหน้าชน” กับ ก.ล.ต. ซึ่งอาจส่งผลต่อ “ความเชื่อมั่น” ทั้งนี้เนื่องจาก JKN ยังเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่ง “ความเชื่อมั่น” ที่ว่านี้เกี่ยวพันไปถึงแผนการสร้างรายได้ในอนาคตของบริษัท

ดังนั้น การที่ JKN “เปิดหน้าชน” กับ ก.ล.ต. จึงอาจส่งผลกระทบไปถึงระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูกิจการ จนไม่รู้ว่า JKN จะออกจากแผนได้เมื่อไหร่ 

เอาเป็นว่า หลังจากที่เจ๊เมาธ์เฝ้ามองและเก็บข้อมูลของ JKN เจ๊พบว่า ที่ผ่านมาปัญหาหลักของ JKN มีส่วนมาจาก “ความมั่นใจระดับสุดขีด” ผ่านทางการซื้อกิจการ หรือ ธุรกิจ ซึ่งมีแนวโน้มว่า เป็นการตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของผู้บริหารเป็นหลัก ซึ่งหากการทำธุรกิจแบบนี้อยู่ในองค์กรที่ไม่ใหญ่มากก็ไม่ใช่ปัญหา แต่พอมาอยู่กับบริษัทที่ใหญ่ขึ้นในระดับบริษัทมหาชน ก็คงจะทำแบบเดิมไม่ได้ 

สรุปแล้ว...การทำให้ภาพลักษณ์ของผู้บริหารผูกอยู่กับภาพลักษณ์ของบริษัท สำหรับบริษัทในระดับเริ่มต้นมันก็อาจดูดี แต่...ท้ายที่สุดหากภาพลักษณ์ หรือ ภาพจำของผู้บริหารไปไม่ไหว ก็ไม่ไหว ถ้าจะ “สวยแต่รูป...” มันก็ไม่ไหวเจ้าค่ะ อิอิอิ...