คอร์รัปชันในมุมมองของเศรษฐศาสตร์เครือข่าย

13 ส.ค. 2568 | 04:48 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ส.ค. 2568 | 05:02 น.

คอร์รัปชันในมุมมองของเศรษฐศาสตร์เครือข่าย : คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย...ผศ.ดร.ปฐมวัตร จันทรศัพท์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4122

KEY

POINTS

  • เศรษฐศาสตร์เครือข่ายมองว่า คอร์รัปชันเป็นความสัมพันธ์ของบุคคลที่เชื่อมโยงกัน โดยโครงสร้างองค์กรมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจคอร์รัปชัน เนื่องจากส่งผลต่อโอกาสในการถูกจับและผลตอบแทน
  • การทุจริตมักเกิดขึ้นใน “จุดอับ” ของเครือข่าย ซึ่งเป็นจุดที่ขาดการเชื่อมต่อและตรวจสอบจากภายนอก การเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานจึงต้องมาพร้อมกับกลไกการตรวจสอบซึ่งกันและกันเพื่อลดการทุจริต
  • เทคโนโลยีการตรวจตราไม่สามารถกำจัดคอร์รัปชันให้หมดไปได้ แต่จะทำให้เครือข่ายการทุจริตปรับตัวให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งส่งผลให้ขนาดของความเสียหายจากการคอร์รัปชันลดลง

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการทุจริตสูงประเทศหนึ่งของโลก ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index, CPI) ซึ่งจัดทำโดยองค์การความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International, TI) ชี้ชัดว่าประเทศไทยมีระดับการคอร์รัปชัน ที่สูงตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา 

งานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชันของประเทศไทยที่ผ่านมา สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ งานคอร์รัปชันในเชิงของปัจเจกบุคคล และ การพิจารณาคอร์รัปชันว่า เป็นการบริการชนิดหนึ่ง เช่น การจ่ายส่วย หรือ จ่ายใต้โต๊ะเพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ของผู้จ่ายผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น 


การศึกษาคอร์รัปชันทั้งสองรูปแบบขั้นต้น เป็นคำอธิบายที่ดีที่ทำให้เข้าใจถึงการคอร์รัปชัน ที่มีขนาดเล็กเกี่ยวข้องกับคนจำนวนน้อย เช่น เงินสินบน หรือ การซื้อขายตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ในการคอร์รัปชันโครงการขนาดใหญ่ ที่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีความซับซ้อน กรอบแนวคิดทั้งสองข้างต้น ยังไม่สามารถอธิบายได้ดีเท่าที่ควร 

บทความนี้ผู้เขียนได้สรุปงานวิจัยของตัวเอง ที่ศึกษาพฤติกรรมคอร์รัปชันผ่านแนวคิดเศรษฐศาสตร์เครือข่าย งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ อะไรคือ เศรษฐศาสตร์เครือข่าย? เศรษฐศาสตร์เครือข่าย (Network Economics) มองความสัมพันธ์ของบุคคลในสังคมเป็นเครือข่าย แต่ละบุคคลมีความเชื่อมต่อกันทั้งเชื่อมต่อโดยตรง หรือ เชื่อมต่อโดยอ้อม เช่น เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง เป็นการเชื่อมต่อโดยตรง

ตัวอย่างของการเชื่อมต่อโดยอ้อม เช่น เพื่อนของเพื่อน หรือ เพื่อนในโซเชียลมิเดีย โจทย์สำคัญของงานวิจัยนี้ คือ ภายใต้เงื่อนไขใดที่การคอร์รัปชันจะขยายตัว หรือ หดตัว เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอในการจัดการองค์กรที่สามารถลดการคอร์รัปชันภายในองค์กรลงได้

งานวิจัยนี้เสนอทฤษฎี และทดสอบทฤษฎีจากข้อมูลในห้องปฏิบัติการทางเศรษฐศาสตร์ มีข้อค้นพบที่สำคัญดังต่อไปนี้ 

ประการที่หนึ่ง โครงสร้างองค์กรมีผลต่อการตัดสินใจคอร์รัปชันของบุคคลในองค์กร เหตุผลเพราะโครงสร้างองค์กรแต่ละแบบ ส่งผลต่อทั้งโอกาสในการถูกจับได้ และผลตอบแทนของการคอร์รัปชัน 

ประการที่สอง การมีเทคโนโลยีในการตรวจตราการคอร์รัปชัน ไม่สามารถทำให้คอร์รัปชันในองค์กรหมดไปได้ แต่จะทำให้ขนาดของการคอร์รัปชันลดลง เพราะเครือข่ายคอร์รัปชันจะปรับตัวให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งนั่นทำให้ความสามารถในการคอร์รัปชันลดลงด้วย  

ประการที่สาม การเพิ่มความเชื่อมต่อระหว่างแผนก หรือ บุคคลไม่เสมอไปที่จะลดการคอร์รัปชันในองค์กรลงได้ เงื่อนไขที่สำคัญ คือ การเชื่อมต่อนั้นจะต้องถูกออกแบบมา เพื่อให้การตรวจสอบเข้าถึงได้ ในทางตรงข้าม หากการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มาพร้อมกับความสามารถในการตรวจสอบ การเชื่อมต่อนั้นจะยิ่งทำให้เครือข่ายคอร์รัปชันขยายตัวมากขึ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การจัดโครงสร้างองค์กรจะต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบกันเองได้ระหว่างหน่วยงานได้ 

และ ประการสุดท้าย คอร์รัปชันในองค์กรมักจะเกิดใน “จุดอับ” ของเครือข่าย เหตุผลเพราะ จุดอับของเครือข่าย คือ จุดที่ขาดการเชื่อมต่อกับส่วนอื่น ๆ เพราะฉะนั้นจึงลดการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก ส่งผลให้ลดโอกาสการถูกตรวจพบ 

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ แผนกงานที่เสี่ยงต่อการรวมกลุ่มคอร์รัปชัน คือ ตำแหน่งงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้านสูง ๆ โดยที่บุคคลภายนอกแผนกไม่สามารถเข้าใจงานนั้น ๆ ได้ หรือ งานที่กระบวนการทั้งหมดอยู่ในมือคนไม่กี่คน  หากกล่าวอย่างในบริบทของงานศึกษานี้คือ ตำแหน่งงาน/แผนกดังกล่าวมีลักษณะเป็น “จุดอับ” ขององค์กร 

ข้อค้นพบนี้มีส่วนเติมเต็มคำอธิบายงานวิจัยในอดีต ที่ศึกษาการจัดองค์กร และ การคอร์รัปชัน ที่เสนอว่า โครงสร้างองค์กรที่สามารถลดการคอร์รัปชันขนาดเล็กลงได้ คือ โครงสร้างองค์กรแนวระนาบ กล่าวคือ ลดความเป็นหัวหน้า-ลูกน้องและเพิ่มการทำงานในลักษณะเพื่อนร่วมงานมากขึ้น 

                      คอร์รัปชันในมุมมองของเศรษฐศาสตร์เครือข่าย

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ให้รายละเอียดมากกว่าในแง่ที่ว่า เหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้โครงสร้างองค์กรแนวระนาบ มีความยืดหยุ่นต่อการคอร์รัปชัน เป็นเพราะการจัดโครงสร้างในลักษณะนี้ทำให้ “จุดอับ” น้อยกว่าการจัดองค์กรในรูปแบบอื่น

งานวิจัยนี้มีความไม่สมจริงในบางประการ ได้แก่ สมาชิกทุกคนของกลุ่มคอร์รัปชันได้รับผลประโยชน์ที่เท่ากัน ในความเป็นจริงสมาชิกของกลุ่มคอร์รัปชัน อาจจะได้ผลประโยชน์ที่ไม่เท่ากัน 

ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกบางคนในกลุ่มอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป ว่า จำนวนเงินของการคอร์รัปชันทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ รู้แต่เพียงส่วนที่ตนพอใจและได้รับ และงานวิจัยนี้ให้ข้อสรุปในเชิงทฤษฎี และยืนยันด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ผ่านการทดลองในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เท่านั้น 

งานวิจัยนี้ ยังไม่ได้ประยุกต์การใช้ข้อสรุปเหล่านี้ในองค์กรจริง ฉะนั้น ความท้าทายในขั้นต่อไปคือ การนำข้อค้นพบนี้ไปประยุกต์กับการจัดการองค์กรจริง เพื่อให้แน่ใจว่า ข้อค้นพบดังกล่าวยังคงเป็นจริงหรือไม่ ก่อนที่จะนำไปใช้กับองค์กรที่ใหญ่ขึ้น

คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย...ผศ.ดร.ปฐมวัตร จันทรศัพท์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ  4122