สงครามการค้า กับ ชัยชนะที่เหมือนแพ้ (Pyrrhic Victory)

30 มิ.ย. 2568 | 10:26 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มิ.ย. 2568 | 10:37 น.

สงครามการค้า กับ ชัยชนะที่เหมือนแพ้ (Pyrrhic Victory) : คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย... ผศ.ดร.ดวงดาว มหากิจศิริ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ ฉบับ 4106

Pyrrhic victory หรือ สำนวน ชนะก็เหมือนแพ้ เป็นชัยชนะที่แลกมาด้วยความสูญเสีย ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในปัจจุบัน ซึ่งสำนวนนี้มีที่มาจากสมัยกรีกโบราณเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อครั้งกษัตริย์พิรัส (Pyrrhus) ยกทัพไปตีกรุงโรมที่ถึงแม้การรบจะชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่แลกมากับการตายของไพร่พลมากมายมหาศาล  

แม้ว่าสงครามการค้าจะมีแนวโน้มพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศในวันที่ 12 มิ.ย. 68 ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจบลงแล้ว โดยสหรัฐจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนที่ 55% ในขณะที่จีนเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่ 10% พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจนั้นเยี่ยมยอด 

นโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Make America Great Again เป็นชัยชนะที่ได้คุ้มเสียจริงหรือ? และผลต่อคนอเมริกันเองแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร นักเศรษฐศาสตร์ Andres Rodriguez-Clare, Mauricio Ulate, Jose P. Vasquez (2025) ได้ใช้แบบจำลองการค้าพลวัติเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของ Reciprocal tariffs ที่ประธานธิบดีทรัมป์ประกาศในวันปลดปล่อยหรือ Liberation Day เมื่อ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งภาษีนำเข้าที่จัดเก็บสินค้าจากทั่วโลกสูงเกิน 20% เป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930  

ผลการวิเคราะห์จากงานศึกษาชี้ให้เห็นว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับกรณีฐานก่อนการขึ้นภาษีนำเข้า ค่าจ้างที่แท้จริงในสหรัฐฯ ลดลง 1.4% และ GDP หดตัว 1.1% สวนทางกับความหวังที่ว่ากำแพงภาษีศุลกากรจะช่วยดึงดูดบริษัทให้กลับเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ และนำไปสู่การจ้างงานในที่สุด 

กำแพงภาษีนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และ ภาคการเกษตร ในภาคอุตสาหกรรมที่สหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลการค้ามาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 2% แต่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น จากการนำเข้าที่ถูกจำกัดและอุปสงค์สินค้าในประเทศที่เพิ่มขึ้น

                               สงครามการค้า กับ ชัยชนะที่เหมือนแพ้ (Pyrrhic Victory)

ในทางกลับกัน การจ้างงานภาคบริการจะลดลงเนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ส่งออกสุทธิในภาคบริการและได้รับผลกระทบทางลบจากภาษีตอบโต้ retaliatory tariffs ของประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ การจ้างงานในภาคเกษตรจะลดลงเช่นเดียวกันสาเหตุจากการที่เกษตรกรต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์ 

งานศึกษาที่ผ่านมายังพบหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นว่า ภาระจากภาษีนำเข้าถูกส่งผ่านไปยังผู้บริโภค เป็นผลให้รายได้ที่แท้จริงลดลง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เผชิญกับความเสี่ยงจากการขึ้นกำแพงภาษี มีการจ้างงานและผลผลิตโดยรวมลดลง

ในส่วนของผลกระทบต่อโลก ประเทศที่ค้ากับสหรัฐฯ มากมีโอกาสที่จะสูญเสียมากจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาทิ รายได้ที่แท้จริงของแคนนาดา เม็กซิโก และ ไอร์แลน มีแนวโน้มลดลง 2% 2.7% และ 3% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี อาจมีประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากการขึ้นภาษีครั้งนี้ ได้แก่ ประเทศที่เผชิญภาษีขั้นต่ำ 10% อย่างสหราชอาณาจักร เป็นต้น 

ผลกระทบของการใช้เครื่องมือภาษีนำเข้า เพื่อกีดกันการค้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กระแสการค้าโลกที่ลดลง แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงราคาและต้นทุนสินค้า

โดยขนาดของผลกระทบขึ้นอยู่กับว่า ภาษีนำเข้าจัดเก็บกับประเภทสินค้าใด เป็นสินค้าขั้นกลางหรือสินค้าขั้นสุดท้าย และความสามารถในการทดแทนกันระหว่างสินค้านำเข้ากับสินค้าในประเทศเป็นเช่นไร ซึ่งภาษีตอบโต้ที่มุ่งเป้าทั้งสินค้าขั้นกลาง และสินค้าขั้นสุดท้ายส่งผลลบต่อ GDP มากกว่าภาษีตอบโต้ที่มุ่งเป้าเฉพาะสินค้าขั้นสุดท้าย  

กลับมาที่บ้านเรา คงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และไทยนั้นจะไปจบที่อัตราภาษีนำเข้าระดับใด แต่ที่แน่ๆ การประกาศชัยชนะในมุมของสหรัฐฯ อาจเป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสียดังสำนวน Pyrrhic victory เพราะฝั่งสหรัฐฯ เองก็เสียหายไม่น้อยเช่นกันในสงครามนี้

อ้างอิง : Rodríguez-Clare, A, M Ulate, and J P Vasquez (2025), “The 2025 trade war: Dynamic impacts across US states and the global economy”, working paper.