ภาวะ PTSD ภัยเงียบของผู้สูงวัยที่มาพร้อมกับแผ่นดินไหว

02 พ.ค. 2568 | 22:00 น.

ภาวะ PTSD ภัยเงียบของผู้สูงวัยที่มาพร้อมกับแผ่นดินไหว คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

KEY

POINTS

  • ผู้สูงอายุมีความเปราะบางทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการประสบภาวะทางจิตใจ ที่รุนแรงหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจ
  • การมี PTSD ในผู้สูงอายุ จะมีความแตกต่างจากวัยอื่นๆ เพราะผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้มากขึ้นจากหลายปัจจัย
  • การดูแลรักษาผู้สูงวัยที่มีอาการ PTSD มีอยู่ 2 วิธี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรักษาด้วยการบำบัดทางจิตใจ และ การใช้ยาในการรักษา

ช่วงที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ ผมได้เตรียมงานในวันที่ 5 นี้ที่จะต้องเดินทางเข้าไปยังเมืองมัณฑะเลย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเมืองมัณฑะเลย์ ทำให้ต้องได้พูดคุยกับเพื่อนที่เป็นแพทย์ ที่อยู่ในหน่วยงานโมบายคลินิก นั่นก็คือ Dr. Su Mon ซึ่งท่านได้ขอให้ผมช่วยหาแพทย์ทางด้านจิตเวช กับแพทย์ทางด้านกระดูกและข้อ

ซึ่งแพทย์ทางด้านกระดูกและข้อ เป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เพราะมีผู้คนที่ประสบกับภัยแผ่นดินไหว ทำให้บ้านเรือนพังทะลายลงมาทับใส่ ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่เสียชีวิตอยู่ค่อนข้างจะมาก อีกทั้งท่านบอกว่า หน่วยแพทย์ของท่านได้ช่วยผ่าตัดหรือทำแผลให้ได้ แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางเหล่านี้ ค่อนข้างจะขาดแคลนมาก จึงอยากให้ผมช่วยจัดหาให้ด้วย

ในด้านแพทย์จิตเวชนี่สิ ที่ผมเองก็คิดไม่ถึงว่า ในภาวะเช่นนี้ทำไมท่านถึงได้ร้องขอมา ผมจึงได้ทำการเข้าไปสืบค้นหาข้อมูลต่อ จึงทำให้รู้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น แผ่นดินไหว หรือ ภัยพิบัติธรรมชาติ สิ่งแรกที่เรามักจะคิดถึงคือความเสียหายทางกายภาพทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการทำลายบ้านเรือน หรือการบาดเจ็บร่างกายต่างๆ

 

และจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ สิ่งที่เราอาจมองข้ามไปก็คือ ผลกระทบทางจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุอย่างพวกเรา เพราะผู้สูงอายุมีความเปราะบางทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการประสบภาวะทางจิตใจ ที่รุนแรงหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจ ในทางการแพทย์เขาเรียกว่า ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) นั่นเอง ซึ่งเป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดปัญหา ทางสุขภาพจิต ซึ่งก็จะส่งผลทางด้านร่างกายที่รุนแรงตามมาได้นั่นเองครับ

ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ คืออาการทางจิตที่เกิดขึ้นหลังจากบุคคลได้ประสบกับเหตุการณ์ที่รุนแรง หรือทำให้รู้สึกถึงการคุกคามชีวิต หรือความปลอดภัย เช่น การเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ อุบัติเหตุรุนแรง หรือเหตุการณ์ร้ายแรงทางสังคมที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดทางจิตใจ ส่วนในกรณีของผู้สูงวัยที่อยู่ในพื้นที่แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมืองมัณฑะเลย์ ตามที่ Dr. Su Mon ได้ร้องขอแพทย์ทางด้านจิตเวชมานั้น ผมคิดว่าคงไม่ใช่เพียงแค่การสูญเสียทางกายเท่านั้น แต่ยังอาจจะส่งผลต่อความรู้สึกด้านความมั่นคง และการรับรู้ถึงความปลอดภัยในชีวิตได้นั่นเอง

อาการของ PTSD ในผู้สูงวัยนั้น สามารถแสดงออกได้หลากหลาย แต่หลัก ๆ มักจะอยู่ในอาการดังต่อไปนี้ นั่นก็คือ อาการย้อนคิดถึงเหตุการณ์ (Intrusion) ในขณะที่เกิดเหตุ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดการจำฝังใจ อาการฝันร้าย ซึ่งอาการนี้อาจจะทำให้ผู้สูงวัยมีความหวาดผวา หรืออาจฝันถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติซ้ำๆ

อีกหนึ่งอาการ คืออาการย้อนกลับ (Flashbacks) ซึ่งคล้ายกับว่าเหตุการณ์นั้นยังเกิดขึ้นอยู่บางครั้งไม่ได้มีการแผ่นดินไหวซ้ำ(Aftershock) แต่ก็จินตนาการไปเอง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาการหลีกเลี่ยง (Avoidance) ซึ่งผู้สูงวัยอาจจะมีอาการหลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือไม่อยากจะพูดถึง หรือหลีกเลี่ยงการกลับไปที่สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

แม้กระทั่งทำให้ไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมที่เคยสนุก หรือเคยทำการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ และความคิดรู้สึกเศร้า หรือหมดหวังเกี่ยวกับชีวิต หรือมีอารมณ์หงุดหงิด หรือโกรธง่าย รู้สึกโดดเดี่ยวหรือไร้ค่า การไม่สามารถไว้วางใจคนคนรู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง บางคนยังอาจจะทำให้มีการตื่นตัวเกินปกติ (Hyperarousal) มีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท หัวใจเต้นเร็ว หรือสะดุ้งตื่นกลางดึก สังเกตได้ว่าตื่นกลัว หรือตื่นตัวตลอดเวลา

จากผลของงานวิจัย ทำให้ทราบว่าการมี PTSDในผู้สูงอายุ จะมีความแตกต่างจากวัยอื่นๆ เพราะผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้มากขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการมีโรคประจำตัว ที่ผู้สูงวัยหลายคนมีโรคประจำตัวที่แตกต่างกันออกไป เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคหัวใจ ซึ่งเมื่อมีความเครียดจากเหตุการณ์รุนแรงของแผ่นดินไหว อาจทำให้สุขภาพแย่ลงได้ หรือบางคนก็จะทำให้สมรรถภาพทางกายลดลง เพราะผู้สูงวัยอาจมีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองลดลง เช่น การเดินลำบากหรือสามารถหลบหนีจากสถานการณ์ได้รวดเร็ว ซึ่งทำให้รู้สึกอ่อนแอ ไร้ความสามารถในการรับมือกับความเครียด นั่นจะทำให้ผู้สูงวัยดังกล่าว มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ทางกายภาพตามมานั่นเองครับ

การดูแลรักษาผู้สูงวัยที่มีอาการ PTSD มีอยู่ 2 วิธี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรักษาด้วยการบำบัดทางจิตใจ (Psychotherapy) ซึ่งก็จะใช้แพทย์ทางด้านจิตเวชในการให้การรักษา ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่าน Dr. Su Mon ได้ร้องขอมานั่นแหละครับ แต่สำหรับผู้สูงวัย การรักษาภาวะ PTSD ก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบ CBT (Cognitive Behavioral Therapy) การบำบัดที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิด และพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเครียด หรือแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ซึ่งจะใช้การเคลื่อนไหวสายตาของผู้ป่วย เพื่อช่วยในการประมวลผล และลดความเครียดจากความทรงจำที่รุนแรง อีกแบบหนึ่งคือแบบ Narrative Therapy เป็นการให้ผู้สูงอายุเล่าประสบการณ์ เพื่อรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ร้ายๆ ของแผ่นดินไหวให้ฟัง โดยเปลี่ยนจากเรื่องที่เลวร้าย ให้กลายเป็นบทเรียนหรือเป็นเรื่องขำขัน เป็นต้น

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้ คือ การใช้ยาในการรักษา ซึ่งในบางกรณีที่อาการ PTSD รุนแรงมาก จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้ยาอาจเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการบรรเทาอาการ ซึ่งจะต้องระมัดระวังผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยา และต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะยารักษาโรคทุกชนิด ล้วนมีทั้งผลดีและผลข้างเคียงเสมอครับ

ในส่วนที่ท่าน Dr. Su Mon ได้ร้องขอแพทย์จิตเวชมานั้น ถึงอย่างไรผมก็เชื่อว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะแม้ประเทศไทยเราหรือต่างประเทศใดๆ ก็ตาม การที่จะใช้แพทย์จิตเวชไปรักษาผู้ป่วย PTSD นั้น ทำได้ยากมาก เพราะการสื่อสารที่ไม่สามารถทำได้ ต่อให้แพทย์ไทยคนดังกล่าว สามารถสื่อสารภาษาเมียนมาได้ ก็ไม่สามารถเข้าใจภาษาลึกซึ้งได้อย่างแน่นอนครับ ดังนั้นผมจึงแนะนำท่านไปว่า ท่านควรหาแพทย์จิตเวชน่าจะดีกว่านะครับ