ซินเจียยู้อี่ เมียนมา

11 ก.พ. 2567 | 22:00 น.

ซินเจียยู้อี่ เมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นวันตรุษจีนที่พวกเราชาวเชื้อสายจีนทุกท่าน ต่างก็มีความสุขกันถ้วนหน้า ผมเองก็ได้รับคำอวยพรจากเพื่อนๆ ที่ส่งมาให้ทางโทรศัพท์และทางไลน์เยอะมาก แต่ก็มาสะดุดกับไลน์หนึ่ง ที่ส่งมาจากเพื่อนที่เป็นชาวเมียนมา ที่อุตสาห์ส่งคำอวยพรมาให้เหมือนเป็นปกติทุกปี แต่ปีนี้แปลกใจที่เขาได้เล่าถึงบรรยากาศของการเฉลิมฉลองในกรุงย่างกุ้งให้ได้รับทราบ พร้อมทั้งส่งภาพการเฉลิมฉลองของชาวเมียนมาเชื้อสายจีนมาให้ดูด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับท่านทูตพานิชย์ไทยประจำเมียนมา ที่ส่งภาพพร้อมเล่าบรรยากาศมาให้ได้ชื่นชม ผมต้องกราบขอบพระคุณทั้งสองท่านมา ณ ที่นี้ พร้อมทั้งขออนุญาตส่งคำอวยพรกลับไปให้ทุกท่านที่อวยพรมาให้ ไม่ว่าจะเป็นทางไลน์หรือทางโทรศัพท์ด้วย ขอให้พรใดที่ท่านมอบให้มา ขอจงย้อนกลับไปยังท่านเป็นร้อยเท่าทวีคูณด้วยเทอญ

หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า ที่ประเทศเมียนมา มีการเฉลิมฉลองตรุษจีน เหมือนดังที่ประเทศอื่นๆ เขาหรือไม่? ต้องบอกว่า ที่ใดๆ ในโลกนี้ หากมีชาวจีนอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในซีกไหนของโลกก็ตาม ล้วนมีการเฉลิมฉลองตรุษจีนด้วยกันทั้งนั้น แม้บ้านเมืองจะไม่อยู่ในบรรยากาศที่ดีเพียงใด ก็จะต้องมีการไหว้เจ้า-ไหว้บรรพบุรุษเหมือนกันหมด แต่อาจจะไม่สามารถจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ได้เท่านั้นเอง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ที่เมียนมาก็มีการเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน

ในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น น้อยมากจะมีโอกาสได้อยู่ในช่วงตรุษจีน เพราะจะต้องกลับมาประเทศไทย เพราะที่ครอบครัวผมก็ต้องมีการไหว้เจ้าที่-เจ้าทาง พร้อมทั้งต้องไปไหว้แท่นสถิตบรรพบุรุษ อันมี อากง อาม่า และคุณพ่อ-คุณแม่ของผมรวมอยู่ด้วย ครอบครัวผมเอาไปตั้งไว้ที่บ้านพี่ชาย ที่อยู่คลองขวาง เขตหนองแขมเป็นประจำทุกปี โดยในวันไหว้หรือวันสิ้นปีก่อนวันตรุษหนึ่งวัน ผมจะต้องเดินทางไปไหว้เจ้าที่หลายแห่งมาก เพราะนอกจากที่ออฟฟิศแล้ว ยังต้องไปไหว้ที่อพาทเม้นต์ ที่โรงงาน แล้วจึงเลยไปที่บ้านพี่ชายผมที่เขตหนองแขม กว่าจะจบได้ ก็ต้องบ่ายแก่ๆ ทุกปีครับ นี่เป็นประเพณีปฏิบัติ ที่พวกเราชาวไทยเชื้อสายจีน ต้องดำเนินชีวิตอยู่เช่นนี้เสมอมาครับ

ที่ประเทศเมียนมาเอง ก็มีการเฉลิมฉลองแบบนี้เช่นกัน เพื่อนผมจะเล่าว่า นอกจากไหว้เจ้าที่-เจ้าทางที่บ้านแล้ว เขายังต้องไปไหว้ที่ศาลเจ้าที่แต่ละบ้านนับถือกันเสมอ บางบ้านยังต้องไปไหว้บรรพบุรุษที่สมาคมของตนเองสังกัดอยู่ เพราะที่กรุงย่างกุ้ง โดยเฉพาะในเขตไชน่าทาวน์ จะมีศาลเจ้าที่คนนับถืออยู่สองศาลด้วยกัน ศาลเจ้าแรก คือ ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ข้างสี่แยกถนน Maha Bandula ตัดกับ Latha street ซึ่งคนเมียนมาเชื้อสายจีนให้ความนับถือมาก จึงมักจะไปไหว้เจ้าที่นั่นกันอย่างคึกคักเลยครับ อีกศาลหนึ่ง คือศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่ที่ถนน Strand อยู่หันหน้าไปยังท่าเรือ ที่นี่ก็จะมีชาวเมียนมาเชื้อสายจีน โดยเฉพาะชาวฮกเกี้ยน จะเข้าไปกราบไหว้กันเป็นประจำด้วยเช่นกัน 


ส่วนตามตรอกซอกซอยทั้งสองฝั่งของถนน Maha Bandula เกือบทุกซอย ก็จะมีสมาคมต่างๆ ที่มีทั้งสมาคมประจำแซ่ต่างๆ และสารพัดสมาคม ตั้งอยู่บนอาคารเยอะแยะมาก เล่ากันไม่หวาดไม่ไหวครับ ที่เหมือนๆ กันทุกสมาคม ก็จะมีศาลเจ้าหรือแท่นสถิตบูชาบรรพบุรุษกันทุกที่ ชาวเมียนมาเชื้อสายจีน ก็มักจะต้องไปไหว้กันทุกปีไปครับ

ส่วนตัวผมเองก็ได้มีประสบการณ์ไปไหว้กับเขาอยู่ปีหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้ไปตรงวันตรุษจีนหรอกครับ ปีนั้นเพื่อนรักผม คือ Mr. Frank Ng ซึ่งเขาเป็นหุ้นส่วนผมตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท และเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่ไต้หวัน เขาเป็นชาวเมียนมาเชื้อสายจีน แต่อพยพไปอยู่ที่อเมริกานานแล้ว ปีนั้นเขามาหาผมที่กรุงเทพฯ เราเลยชวนกันเข้าไปที่กรุงย่างกุ้งด้วยกัน จำได้ว่าหลังจากตรุษจีนผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ เมื่อไปถึงที่นั่น คุณลุงของเขาที่อยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ กลับเข้ามาที่กรุงย่างกุ้งพอดี ท่านเลยชวนเราสองคน ขึ้นไปไหว้บรรพบุรุษที่สมาคมตระกูลหวู


ผมก็แย้งว่าผมไม่ได้แซ่หวู ผมแซ่หวง ท่านก็บอกผมว่าในอดีตคนแซ่หวูกับคนแซ่หวง ได้สาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เพราะฉะนั้นผมก็มีสิทธิไปไหว้ได้ อ้าว...เลยต้องตามใจผู้อาวุโส เข้าไปไหว้กับเขาด้วยครับ สำหรับเครื่องเซ่นไหว้ ท่านได้จัดเตรียมไว้ให้เราสองคน คนละหนึ่งชุด แต่ก็ไม่ได้อลังการงานสร้างเหมือนที่เมืองไทยเราหรอกครับ แค่มีผลไม้ 5 ชนิด และชุดซาแซ (เนื้อสัตว์ 3 ชนิด) อีกทั้งเหล้า น้ำชา แค่นี้เองครับ กระดาษเงิน-กระดาษทองก็ไม่เห็นมีครับ ไม่เหมือนบ้านเรา ที่มีครบเครื่องไปหมดครบ
 


เมื่อวานนี้ที่ได้เห็นภาพบนถนน Maha Bandula ที่ไชน่าทาวน์ ที่ท่านทูตพานิชย์และเพื่อนผมส่งมาให้ดู เห็นมีผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยดื่มกินกันแน่นมากๆ อีกทั้งทราบมาว่าร้านทองที่ไชน่าทาวน์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผมคาดเดาว่า น่าจะเป็นเพราะผู้คนไม่ค่อยมั่นใจในค่าเงินจ๊าดก็เป็นไปได้ จึงออกมาซื้อหาทองคำเก็บไว้ เพื่อความมั่นคงของมูลค่าเงินครับ ส่วนที่น่าแปลกใจคือ อาหารการกินที่ขายดิบขายดีด้วยเช่นกัน หรือว่าผู้คนคงอัดอั้นกันมาก มีเงินจึงออกมาจับจ่ายใช้สอยกันให้มีความสุขไปเลยครับ