สังเกตท่าทีรัฐบาลทหารเมียนมา

07 ม.ค. 2567 | 22:30 น.

สังเกตท่าทีรัฐบาลทหารเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้สังเกตเห็นท่าทีของรัฐบาลทหารเมียนมา ที่มีแนวโน้มไปในทางที่ดีอยู่หลายประการ ผมอยากจะนำมาเล่าในกลุ่มของเรา เพื่อวิเคราะห์ดูว่าความน่าจะเป็นในปีนี้ จะออกหัวหรือออกก้อยอย่างไร? แต่ต้องบอกว่า นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะผมไม่สามารถอ่านใจคนเมียนมาได้จริงๆ ว่าเขาคิดกันอย่างไร? ก็เหมือนกับการที่ผมเคยตอบคำถามของกลุ่มเพื่อนๆ แฟนคลับนั่นแหละครับ เพื่อนหลายคนถามผมว่า สถานการณ์ในเมียนมาจะจบลงเมื่อไหร่? หรือจบลงอย่างไร? ผมก็จะตอบเสมอว่า “ไม่มีใครรู้หรอกครับ เพราะถ้าผมรู้ผมคงรวยไปแล้วครับ” ดังนั้นข้อสังเกตของผมครั้งนี้ อาจจะไม่ถูกใจหรืออาจจะถูกเตะตูดก็ได้ครับ

เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา เป็น “วันที่ระลึกการประกาศอิสรภาพของประเทศเมียนมา” ทางรัฐบาลเมียนมาได้มีการนิรโทษกรรมนักโทษที่ถูกคุมขัง โดยนักโทษที่ถูกปล่อยตัวทั้งหมด  9,625 คนจากทั่วประเทศ รวมถึงนักโทษชาวต่างชาติ 114 คน และนักโทษการเมือง 200 คน ซึ่งนักโทษที่ถูกปล่อยตัวส่วนใหญ่ เป็นนักโทษที่มีโทษสถานเบาที่มีโทษไม่เกิน 3 ปี และในบรรดานักโทษการเมือง 200  คนที่ได้รับการนิรโทษกรรมนั้น ถึงแม้จะมีจำนวนไม่ถึง 10 เปอร์เซนต์ ของจำนวนนักโทษที่ถูกปล่อยตัวทั้งหมด ผมก็คิดว่านี่เป็นนิมิตรหมายที่ดีมากๆ เพราะในบรรดานักโทษการเมือง ก็มีนักการเมืองคนสำคัญที่สังกัดพรรค NLD ของท่านดอร์ ออง ซาน ซูจี รวมอยู่ด้วย ได้แก่ ท่าน ออง หมิ้น สมาชิกพรรค NLD  ของรัฐสภาประจำเมืองทยาระวดีในเขตพะโค แต่เขาถูกจับกุมอีกครั้งหลังจากปฏิเสธที่จะลงนามในคำมั่นสัญญาว่าจะเลิกเล่นการเมือง

นอกจากนี้ยังมี ฯพณฯท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิการสังคม ของพรรค NLD ประจำเขตอิระวดี ฯพณฯท่าน  Hla Myat Thwe  ยังมีนายกเทศมนตรีเมือง ท่าน Ye Lwin และสมาชิกคณะกรรมการพัฒนาเทศบาลเมืองมัณฑะเลย์ Kyaw Zeya ก็ถูกปล่อยตัวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีนักโทษที่เป็นสื่อมวลชนอยู่อีกหลายท่าน ที่ได้รับการปล่อยตัวในวันเดียวกัน 

อีกหนึ่งท่าทีที่น่าสนใจ คือท่านพลเอก อาวุโส เมียน ออง หล่าย ยังได้มีท่าทีในการออกมากล่าวในการปราศรัย เมื่อวันประกาศอิสรภาพว่า จะมีการเลือกตั้งทั่วไปที่มีพรรคการเมืองทั้งหมดมีส่วนร่วมด้วย เพื่อจะได้มีการมอบอำนาจคืนให้แก่รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งได้เข้ามาบริหารประเทศต่อไป อีกทั้งได้มีการทดลองสำรวจสำมะโนประชากร ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในเดือนตุลาคม 2023 ขั้นตอนต่อจากนี้ไป ก็ได้เตรียมการจัดทำการสำรวจสำมะโนอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในปี 2024 นี้ เพื่อจะได้อัปเดตรายชื่อผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ได้ระบุวันเลือกตั้งที่วางแผนไว้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด? ซึ่งหากเป็นไปตามที่รัฐบาลเมียนมาเคยประกาศไว้ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหลังจากได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน 6 เดือน ดังนั้นก็ต้องจับตาดูกันต่อไปครับ

อีกหนึ่งข่าวดี คือการที่รัฐบาลประกาศว่า จะจริงจังกับการจับกุมข้าราชการที่มีการประพฤติผิดทางกฎหมาย ซึ่งก็หมายถึง “ปราบปรามข้าราชการคอร์รัปชัน” นั่นเอง ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าระยะหลังๆ มานี้ มีการคอร์รัปชันเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลที่เกิดขึ้นมามาก อาจจะเป็นเพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่เงินเดือนข้าราชการไม่ได้ปรับขึ้นมาได้ทันต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศ

อีกทั้งรัฐบาลเองก็มุ่งเน้นไปแก้ไขปัญหาทางด้านความสงบเรียบร้อยภายในประเทศมากกว่าปัญหาสังคม ที่ค่อนข้างจะรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงทำให้เกิดปัญหาคอรัปชั่นของข้าราชการขึ้นมา จนกระทั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทางการเมียนมาได้มีการจับกุมข้าราชการระดับสูงของประเทศ ที่เป็นข่าวฮือฮากันอย่างที่ทราบ ดังนั้นข่าวนี้จึงเป็นอีกหนึ่งข่าว ที่จะเห็นว่าท่าทีของรัฐบาลเมียนมา ได้เริ่มขยับเขยื่อนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ทางด้านเศรษฐกิจ ก็มีท่าทีออกมาของทางการเมียนมา ว่าจะเริ่มจริงจังกับการเร่งเครื่องการกระตุ้นการลงทุนมากขึ้น แต่ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมก็ยังไม่ได้ให้น้ำหนักว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจได้จริง เหมือนที่คาดหวังได้ เพราะในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องเริ่มกระตุ้นเครื่องยนต์ทั้งหมด 4 ตัวไปพร้อมๆ กัน จึงจะสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ

1. ต้องกระตุ้นตัว Consumption การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน 2. ตัว Investments หรือการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งการลงทุนจากภายในและภายนอกประเทศ 3. ตัว Governments Budget ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลยังคงมีปัญหาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ และ 4. ตัว Export-Import หรือการส่งออกลบด้วยการนำเข้า ซึ่งก็หมายถึงดุลการค้าระหว่างประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ รัฐบาลเมียนมายังคงมีปัญหาในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆครับ

อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นรัฐบาลเมียนมา ได้เริ่มจริงจังที่จะฟื้นฟูประเทศแล้ว แม้จะมีปัญหาที่ทับถมอยู่อย่างมากมาย หรือการแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้น ไม่น่าจะทำได้อย่างง่ายๆ แต่ทางภาครัฐของเมียนมา ก็ได้มีความมุ่งมั่นที่จะต้องเร่งรีบดำเนินการแล้ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้เข้าไปจัดการ ปัญหาต่างๆ เหล่านั้น อาจจะเป็น “ดินพอกหางหมู” ที่นับวันก็จะเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้นั่นเอง เมื่อเริ่มเข้าไปจัดการ

สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลใจแทนประชาชนชาวเมียนมา ก็คือความร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหา หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง ผมก็เชื่อเหลือเกินว่า เป็นเรื่องที่ “ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา” ครับ