พระโพธิญาณมุนี (หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ) เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส จังหวัดกาฬสินธ์ุ อายุ 79 ปี เป็นพระวัดป่าสายกัมมฐาน สังกัดคณะธรรมยุต ถูกสีกาผู้หนึ่งฟ้องว่าเสพเมถุนกับเธอ
เธอจึงฟ้องว่าเป็นอาบัติปาราชิก คณะสงฆ์ผู้ปกครองจึงตั้งนิคหกรรม หรือศาลสงฆ์ พิจารณาตามกระบวนการ และตัดสินในชั้นต้นว่าเป็นอาบัติปาราชิก ตามฟ้องแต่จำเลย(พระโพธิญาณมุนี) อุทธรณ์ คณะพิจารณาอุทธรณ์ตาม กฎนิคหกรรม ตัดสินว่าอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ให้ยืนตามคำพิพากษาชั้นต้น
แต่จำเลยฎีกา คณะผู้พิจารณาชั้นฎีกาพิจารณาแล้วเห็นควรลงนิคหกรรมปรับจำเลยต้องอาบัติปาราชิกตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2557
อนึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การพิจารณาดังกล่าว เป็นการพิจารณาตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับเดิม ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีการที่ซับซ้อน จึงดำเนินการตามกฎนั้นจนแล้วเสร็จ
ในปัจจุบันมีการแก้ไขกฎมหาเถรสมาคม และประกาศใช้บังคับตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ 2568 และมหาเถรสมาคมจึงมอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดอธิกรณ์ที่มีความล่าช้าให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎมหาเถรสมาคมที่แก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จ
คณะผู้พิจารณาชั้นฎีกา ได้ประชุมเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 วินิจฉัยอธิกรณ์ดังกล่าวแล้วเสร็จ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำเรื่องนี้เสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
ให้เจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) แจ้งมติมหาเถรสมาคม แก่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) เจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) เจ้าคณะตำบลลำพาน (ธรรมยุต) ผู้บังคับบัญชาของจำเลยรูปนั้นทราบ และให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยภายใน 10 วัน
เจ้าคณะตำบลลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธ์ุ จึงแจ้งให้พระโพธิญาณมุนี เข้ารับฟังคำวินิจฉัยชั้นฏีกา ณ วัดโสภณพัฒนาราม อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 12.30 น.
ต่อมาพระประทิน อัคคธัมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส ได้มีหนังสือราชการลงวันที่ 11 กันยายน 2568 แจ้งเจ้าคณะตำบลลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เรื่องการลาสิกขาของพระโพธิญาณมุนี หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ” และเดินทางออกจากวัดป่ามัชฌิมาวาสไปแล้ว