KEY
POINTS
การประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2568 และการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ไม่ได้เป็นเพียงจังหวะเปลี่ยนผ่านทางการเมือง หากแต่คือ “จุดตัดสินชะตาเศรษฐกิจไทย” ที่เดิมพันสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ติดหล่มยาวนาน ความสามารถในการแข่งขันถดถอย และความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ทับซ้อนกันทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ และ รายได้รัฐที่หดแคบลง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่อาจถูกลดทอนเหลือเพียงเวทีช่วงชิงอำนาจ หรือ การแข่งกันแจกนโยบายระยะสั้นของบรรดาพรรคการเมือง หากแต่ต้องเป็นกระบวนการ “คัดกรองอนาคตประเทศ”
ข้อมูลการคาดการณ์ของ IMF ที่ชี้ว่า อันดับ GDP ของไทยอาจร่วงจากอันดับ 2 ในภูมิภาค ไปอยู่ลำดับที่ 5 ภายในปี 2030 หากไร้การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ควบคู่กับข้อเท็จจริงด้านการคลังที่กำลังตึงตัวอย่างเงียบงัน - รายได้รัฐต่อ GDP ลดลงเหลือไม่ถึง 15% ขณะที่รายจ่ายประจำพุ่งแตะ 70-80% ของงบประมาณ และหนี้สาธารณะเข้าใกล้กรอบ 70% อย่างต่อเนื่อง
ในบริบทเช่นนี้ “นโยบายประชานิยมแบบล้างผลาญ” ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางการเมือง แต่คือ ความเสี่ยงเชิงระบบต่อเสถียรภาพประเทศ การออกนโยบายที่ไม่ระบุแหล่งเงิน ไม่ประเมินความคุ้มค่า และไม่คำนึงถึงภาระในอนาคต คือการผลักต้นทุนไปให้คนรุ่นถัดไปอย่างไร้ความรับผิดชอบ
การที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกหลักเกณฑ์ตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง ในปี 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบการเมืองไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่ “ความฝันหาเสียง” ต้องเผชิญกับ “ข้อเท็จจริงทางการคลัง” อย่างเป็นทางการ พรรคการเมืองไม่อาจพูดเพียงว่าทำอะไร แต่ต้องตอบให้ได้ว่าจะเอาเงินจากไหน ผลกระทบคืออะไร และความเสี่ยงอยู่ตรงไหน
นี่คือมาตรฐานขั้นตํ่าของการเมืองในประเทศ ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ
การเลือกตั้ง 2569 จึงไม่ใช่เพียงการเลือกผู้แทน แต่คือ การเลือก “กรอบคิดของประเทศ” ระหว่างการเมืองที่ซื้อใจด้วยเงินระยะสั้น กับการเมืองที่สร้างฐานเศรษฐกิจระยะยาว นโยบายแจก กับ นโยบายลงทุน ความนิยมชั่วคราว กับความยั่งยืนทางการคลัง
บทบาทของประชาชน สื่อ และ สถาบันตรวจสอบ จึงสำคัญไม่แพ้พรรคการเมืองเอง การตั้งคำถามกับนโยบาย การปฏิเสธการซื้อเสียง และ การใช้สิทธิอย่างมีข้อมูล คือเกราะป้องกันสุดท้ายไม่ให้ประเทศไถลเข้าสู่วงจรการเมืองสีเทาอย่างถาวร
ประเทศไทยไม่มีพื้นที่ให้พรรคการเมืองเสนอ “ประชานิยมล้างผลาญ” อีกต่อไป หากเรายังต้องการรักษาเอกราชทางเศรษฐกิจ ความน่าเชื่อถือทางการคลัง และอนาคตของคนรุ่นถัดไป
การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจเป็นเพียงหนึ่งเสียงของแต่ละคน แต่เมื่อรวมกัน มันคือเสียงตัดสินอนาคตประเทศทั้งระบบ
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,160 วันที่ 25 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568