เร่งเครื่องเศรษฐกิจใน 4 เดือน รัฐบาลต้องไม่เสียโอกาส

24 ก.ย. 2568 | 05:58 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2568 | 06:04 น.

เร่งเครื่องเศรษฐกิจใน 4 เดือน รัฐบาลต้องไม่เสียโอกาส : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,134

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน
  • สภาอุตสาหกรรมฯ และหอการค้าไทย ได้เสนอมาตรการสำคัญ เช่น การเสริมสภาพคล่องให้ SMEs, การปรับโครงสร้างค่าไฟ, และการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการรัฐ
  • รัฐบาลถูกกระตุ้นให้ลงมือปฏิบัติจริงอย่างเร่งด่วน โดยต้องกล้าตัดสินใจและร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ

ภายหลังมีรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมตรี เสียงจากภาคเอกชนก็ได้ส่งสัญญาณเตือนที่สำคัญถึงรัฐบาลใหม่ ในภารกิจที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ การแก้ปัญหาปากท้อง ลดค่าครองชีพ และเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยภายใต้เวลาจำกัดเพียง 4 เดือนตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหอการค้าไทยต่างเสนอแนวทางต่อรัฐบาลอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม เพื่อกอบกู้ภาคเศรษฐกิจที่กำลังเปราะบางทั้งจากต้นทุนที่สูง ภาวะหนี้สิน การส่งออกที่ชะลอตัว และกำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง

ข้อเสนอที่สำคัญจาก ส.อ.ท. เน้นไปที่การเสริมสภาพคล่องให้ SMEs ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า และมาตรการ Fast Track เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุน, การปรับโครงสร้างค่าไฟเพื่อแข่งขันในตลาดโลก, การเตรียมรับมือภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่ามาก รวมถึงการคลี่คลายความตึงเครียดด้านโลจิสติกส์จากข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นที่กระทบต้นนํ้าของระบบเศรษฐกิจ

ขณะที่หอการค้าไทย เสนอ “7 เสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจ” โดยเฉพาะการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านมาตรการ “คนละครึ่ง”, การเร่งเบิกงบประมาณปี 2568, การดูแลค่าเงินบาทในระดับที่แข่งขันได้ และการเจรจาการค้าใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดิมที่เริ่มถดถอย รวมถึงแนวคิดสำคัญที่น่าจับตาอย่าง “ซีโร่ คอร์รัปชัน” ที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลผลักดันอย่างจริงจัง

ทั้งหมดนี้คือชุดมาตรการที่ไม่ใช่เพียงแค่การระดมข้อเสนอหากแต่คือ “แผนปฏิบัติการ” ที่รัฐบาลควรนำไปเดินหน้าโดยไม่รอช้า

สิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือนจากนี้ ไม่ใช่แค่การออกนโยบาย หรือ ประกาศความตั้งใจ แต่ต้องลงมือทำจริง แก้ปัญหาให้ตรงจุด และเร่งผลักดันให้เกิดผลในระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้ได้เร็วที่สุด

ประเทศไทยไม่สามารถเสียเวลาอีกต่อไป การรอความชัดเจนจากนโยบายเศรษฐกิจแบบเดิมในอดีต ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ทันกับความผันผวนของโลกยุคปัจจุบัน การบริหารแบบรวมศูนย์ การรออนุมัติจากส่วนกลาง การติดหล่มกับระเบียบราชการซํ้าซ้อน ล้วนแต่ต้องถูกปลดล็อกโดยเร็ว

รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจ กล้าร่วมมือกับเอกชน และกล้ารับฟังความจริง เพื่อใช้พลังของกลไกภาครัฐและเอกชนร่วมกันอย่างเต็มที่ โดยไม่ปล่อยให้โอกาสในการฟื้นฟูประเทศ ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์

หากรัฐบาลทำสำเร็จ จะไม่เพียงแค่กอบกู้เศรษฐกิจในระยะสั้น แต่จะสร้างแรงส่งให้กับความเชื่อมั่น และวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตได้อย่างแท้จริง

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,134 วันที่ 25 - 27 กันยายน พ.ศ. 2568