KEY
POINTS
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะยังคงเผชิญความท้าทายจากแรงกดดันมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา แต่หลายฝ่ายยังมีความมั่นใจว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยสำคัญ ทั้งจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต การส่งออก การบริโภคภายในประเทศ และ การลงทุนภาครัฐ แม้ยังมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ภาพรวมถือว่า มีสัญญาณที่ดีขึ้น
สะท้อนจากกระทรวงการคลัง ได้ประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ทั้งปี 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.1% เมื่อ 3 เดือนก่อน สอดคล้องกับประมาณการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 2%
โดยการคาดการณ์นี้ ได้รวมสมมติฐานภายใต้สถานการณ์นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ และผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของประเทศคู่ค้าของไทย และ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาแล้ว
การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว มีปัจจัยขับเคลื่อนมาจาก 3 เครื่องยนต์หลักที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวของการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวกว่า 1.2% จากปีก่อนหน้าที่หดตัว 0.4% ซึ่งได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการผลิตยานยนต์ การผลิตชิ้นส่วน และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลัก
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ระดับ 97.35 ขยายตัว 0.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัว 1.47%
ขณะที่การส่งออกสินค้า ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ คาดว่า จะขยายตัว 5.5% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ 2.3% ซึ่งเป็นผลจากการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้า ที่สูงกว่าคาดในครึ่งแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัว 15.0% เป็นเดือนที่ 12
รวมถึงการบริโภคภาคเอกชน จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.1% สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จัดเก็บในประเทศขยายตัวได้ดี เติบโตติดต่อกัน 9 ไตรมาส และยังได้แรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชน ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.0% ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน
โดยมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับแรงสนับสนุนจากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท จาก 1,880 โครงการ ในครึ่งแรกของปี 2568
อีกทั้ง การบริโภคภาครัฐ คาดว่า จะขยายตัว 1.2% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 3.9% จากการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และมีแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดสรรวงเงินแล้ว 115,375 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (นํ้าและคมนาคม) การท่องเที่ยว การลดผลกระทบภาคการส่งออก และเศรษฐกิจชุมชน
ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง จะมีสัญญาณดี แต่ยังคงเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การทะลักของสินค้าต่างประเทศ เงินบาทที่แข็งค่า และปัญหาหนี้ครัวเรือน
ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือ และบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านแผนการขับเคลื่อนต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคการส่งออก และมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่พึ่งพาแหล่งทุนนอกระบบสูง
นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ด้วยการสนับสนุนการใช้สินค้าไทยในประเทศ เพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ส่งเสริมการรับรองคุณภาพสินค้า ขยายตลาดทดแทนในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เป็นต้น
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,119 วันที่ 3-6 สิงหาคม พ.ศ. 2568