ทหารมีศาลของตนเอง ทำการพิจารณาเฉพาะคดีอาญาที่ทหารกระทำผิด ด้วยเปนหลักตรรกะประเพณีสืบเนื่องกันมานาน ว่าในราชการทหารนั้นอำนาจการควบคุมบังคับบัญชาของผู้ใหญ่เหนือตนย่อมแรงกล้า ไม่งั้นมีปัญหาเวลาทำสงครามได้
ในเวลาที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปหลักกฎหมายนี้ยังคงบังคับใช้อยู่เรื่อยมาไม่ล้าสมัย จะเห็นว่าแม้กระทั่งทหารไปเซ็นเช็คจ่ายเจ้าหนี้แล้วเช็คเด้ง เมื่อความผิดเช็คเด้งเป็นความอาญา ทหารคนเซ็นก็ต้องมาขึ้นศาลทหาร ผู้ทำหน้าที่ตัดสินคดีในศาลทหารเรียกตุลาการ (ตุล- คือ ดุลย์ ก็คือตราชั่งชนิดต้องเอามือจับตรงกลางสาแหรก โดยมีถาดแขวนสองข้าง ซึ่งเปนของสัญลักษณ์ถึงความเที่ยงธรรมในหลายวัฒนธรรมของโลก)
ตราของศาลทหารที่คลาสสิกปฐมภูมิใช้ของสามอย่างประกอบกัน คือ ตราชู (ดุลพาห), พระขรรค์, และจักร รวมเรียกดุลยจักร มีหลักคิดกล่าวเปนกลอนไว้ว่า ของสามอย่างใช้ด้วยกัน คือ ตราชู - ใช้ชั่งน้ำหนักพยาน จักร - พัดตัดหลักฐานเท็จได้ พระขรรค์ - หั่นประหารอคติ ดุลยจักร- พรรคทหารใช้เครื่องชี้ยุติธรรม หมายความว่า การตัดสินคดีความหรือตัดสินโทษใครต้องฟังพยาน ซึ่งพยานก็มีหลายแบบมั่วบ้าง จริงบ้าง มีน้ำหนักบ้าง ไม่มีน้ำหนักบ้าง การจะเริ่มความเป็นธรรม ก็ต้องชั่งน้ำหนักปากคำพยาน ส่วนการใช้จักร ซึ่งนัยยะหนึ่งเป็นเครื่องอาวุธเครื่องหมายของกองทัพบกนั้น ใช้ในการพิจารณาตัดหลักฐานเท็จทิ้งไป ไม่นำเข้ามาพิจารณา ส่วนที่สามนี้สำคัญมาก คือผู้ตัดสินเองจะต้องใช้พระขรรค์ในการหั่นหรือทำลายอคติที่ตัวเองอาจจะเห็นเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทิ้งด้วย เพราะงานยุติธรรมต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ มีใจบริสุทธิแท้จริง
ผู้มาปฏิบัติหน้าที่เปนตุลาการศาลทหารนั้น จะมาจากเหล่าพระธรรมนูญเปนหลัก ฝรั่งก็มีเรียกว่า The Judge Advocate ปรากฏตัวในภาพยนต์ฝรั่งหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง A Few Good Men (1992), The General Daughter (1997) และ ซีรี่ย์ J.A.G (1995-2005)
ที่ใช้คำว่าเปนหลักเพราะ ตุลาการทหารแบ่งออกเป็นตุลาการทหาร (เฉยๆ) กับตุลาการพระธรรมนูญ เวลาจะพิจารณาคดีใดใดแล้วจะต้องทำในรูปองค์คณะ ขั้นต้นมีสามท่าน ล้วนปฎิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยตามกฎหมายกำหนด
ตุลาการพระธรรมนูญมาจากคำว่า ตุลาการผู้รักษาพระธรรมนูญ จะจัดมาจากบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาทางกฎหมาย เข้ามารับราชการทหาร ซึ่งอาจผ่านงานหลายด้านในกระบวนการยุติธรรมทหารมาก่อน เช่น อัยการทหารผู้ช่วย, นายทหารสงเคราะห์ทางกฏหมาย, ทนายทหาร, ที่ปรึกษากฎหมายของผู้บังคับบัญชา ฯลฯ เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆจนมีความสามารถ สอบไล่ได้เนติบัณฑิต และสมควรได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ที่ในช่วงชั้นยศราวนายพัน นายนาวา ส่วนตุลาการทหาร จัดจาก นายทหารสัญญาบัตรซึ่งพูดง่ายๆว่าผู้ที่อยู่ในระดับผู้บังคับบัญชากรม กอง ต่างๆในกองทัพ ได้รับการโปรดเกล้าฯ เช่นกัน เวลาพิจารณาคดี ตุลาการทหารต้องนั่งศาลมาอย่างน้อยสองท่าน เพื่อเป็นผู้แทนของอำนาจการบังคับบัญชาในกองทัพ มีตุลาการพระธรรมนูญอีกอย่างน้อยหนึ่งท่านอยู่ในองค์คณะเป็นผู้ดำเนินการในข้อกฎหมายโดยละเอียดพูดให้ง่ายคือคอยรักษากระบวนการพิจารณาความ และตัดสินให้เปนไปตามพระธรรมนูญ ตัวบท และ นิติธรรม
ศาลทหารมี 3 ชั้น เหมือนศาลพลเรือน คือ ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจไม่จำกัดพื้นที่ เรียก ศาลทหารกรุงเทพ มีตุลาการพระธรรมนูญในศาลหลายท่าน มีตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ เปนผู้บังคัญบัญชา ศาลอุทธรณ์ของทหาร เรียก ศาลทหารกลาง มีหลายคณะ แต่ละคณะมีหัวหน้าคณะ และมีตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารกลาง เปนผู้บังคับบัญชา ศาลฎีกาของทหาร เรียก ศาลทหารสูงสุด มีหลายคณะเช่นกัน มีตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด เปนผู้บังคับบัญชา โดยทั้งหมดรายงานต่อ หัวหน้าสำนักตุลาการทหารอีกที(ซึ่งเปนคนๆเดียวกันกับ ตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุดโดยตำแหน่ง) และจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนจะปฏิบัติหน้าที่ได้
ซึ่งจำนวนองค์คณะและความอาวุโสทางทหารจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆตามชั้นศาลที่สูงขึ้นไป เวลาราชการสงครามที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งทางบกทางทะเล ศาลในสถานการณ์เช่นนั้นเรียกว่าศาลอาญาศึก ที่ศาลอาญาศึกนี้ ตามกฎหมายปัจจุบันยังคงต้องมีองค์คณะตุลาการสามท่านมาตัดสินโทษ แต่กฎหมายระบุว่าไม่จำเป็นต้องมีตุลาการผู้รักษาพระธรรมนูญมาร่วมองค์คณะก็ได้ และในศาลอาญาศึกนี้ จำเลยห้ามมีทนาย ทั้ง การสืบพยานก็ไม่จำเป็นต้องทำต่อหน้าจำเลย และห้ามจำเลยอุทธรณ์ (ซึ่งแปลว่าห้ามฎีกาโดยปริยาย)
บ่งนิยามความหมายว่าทหารก็มีธรรมนูญของตน มีความเด็ดขาดเพื่อการปกครองบังคับบัญชาในสถานการณ์ที่เรียกว่าหน้าสิ่วหน้าขวานและต้องเอาชีวิตเข้าแลก การมีวินัยอย่างสูงสูงสุดเป็นเรื่องที่จำเป็น การหนีทัพ การกบฎในเรือ การทำร้ายนายทหารผู้ใหญ่เหนือตน การเข้าไปยุ่มย่ามกับพลเรือนยามเดินทัพผ่าน (ฉุดคร่าและปล้นสะดม) มองไปก็เหมือนโจร แต่ในเมื่อ “ทหารเปนผู้แปลกกว่าโจร” ตามพระราชดำรัสว่า ทหารก็ต้องมีธรรมนูญของตนและมีบทกำหนดโทษและบังคับโทษด้วยตนเอง เพื่อรักษาความไม่เปนโจรให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการประพฤตินอกลู่นอกทางเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้แม้ในระหว่างการฝึกและการสงคราม อำนาจการบังคับบัญชาของเหล่าทัพหรือกองทัพนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาแต่โบราณ ผู้ที่เป็นทหารที่ดีมีวินัยเคร่งครัดนั้นแทบไม่ต้องบอกว่าอะไรผิด แล้วต้องทำอย่างไรแก้ไขอย่างไร เขารู้ได้ด้วยตนเอง
ยกตัวอย่างกรณีของท่านขุนรัตนาวุธ ซึ่งชาวกาญจนบุรีนับถือมาก เมื่อครั้งสมัยสงครามเก้าทัพ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพใหญ่บัญชาการทัพยันพม่าอยู่แนวตำบลลาดหญ้า ขุนรัตนาวุธเป็นชาวเมืองวิเศษไชยชาญมีความชำนาญใช้ดาบสองมืออาทมาตเหมือนอย่างขุนรองปลัดชูผู้ล่วงลับ ท่านรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ 200 คนก็พากันเดินทางมาอาสาสู้ศึกกับกรมพระราชวังบวร มีพระบัณฑูรให้ท่านขุนไปขึ้นกับกองกำลังมอญของเจ้าพระยามหาโยธา แจ่งก็ได้ร่วมปฎิบัติราชการสงครามในบังคับของเจ้าพระยามหาโยธามาด้วยดี จนวันหนึ่งท่านจับเชลยศึกพม่าได้และค้นดูในตัวพบจดหมายน้อย บอกกล่าวเรื่องราวคำสั่งลับทำนองว่าเจ้าเจ้าพระยามหาโยธาเปลี่ยนใจเข้ากับพม่าแล้ว ขุนรัตนาวุธเห็นท่าไม่ดี ได้นำกำลังวิเศษไชยชาญตีตัวออกห่าง ตั้งตนเป็นเอกเทศแล้วบุกเข้าไปถึงเมืองเมาะตะมะ กว่าจะรู้ความจริงว่าเป็นแต่พม่าทำกลมาหลอกให้แตกคอกันก็สายเกินไป ท่านหนีทัพไปแล้ว จึงต้องเลยตามเลยแปลงตัวเองเป็นกองโจรลึกลับอย่างว่าโรนินไม่สังกัดใครทำหน้าที่ตามใจ คือ ตัดเสบียงของทัพพม่าไม่ให้ใครรู้ แม่ทัพพม่าเป็นเจ้าชาย เขียนหนังสือกราบทูลพระบิดาว่าลูกกำลังรบอยู่กับผี เสบียงถูกทำลายแต่หาตัวคนทำไม่ได้เป็นเวลาหลายที! กรมพระราชวังบวรเฝ้าสังเกตสถานการณ์ศึกมั่นใจว่ากองกำลังลึกลับนั้นคือขุนรัตนาวุธ ยิ่งกองกำลังของพระองค์เจ้าขุนเณรได้พบกับท่านขุน ได้ร่วมมือกันทำลายล้าง กลับมาบังคมทูลรายงาน ก็ทรงพอใจ ยกโทษให้ และดำรัสเรียกให้กลับมาเฝ้าท่านขุนก็ไม่กล้าด้วยว่าต้องอาญา หนีทัพ มาท่านจึงทรงส่งพระยาเพชรบุรีออกไปช่วยเป็นกองรบโจร แต่พระยาเพชรบุรีไปถึงแล้วนั่งนั่งนอนนอนอยู่ในป่าไม่ทำงานตามรับสั่ง จึงมีพระราชบัณฑูรดำรัสตัดสั่งให้ตัดหัวประหารพระยาเพชรบุรีเสีย ฐานขัดคำสั่งในราชการศึก!
ต่อมาทรงวางแผนกลศึกบีบพม่าที่ค่ายลาดหญ้า ท่านขุนรัตนาวุธรับข่าวแล้วเข้าร่วมปฏิบัติการด้วยแต่กองกำลังของพม่ามีมากเหลือขนาด ท่านต้านไม่ไหว สู้จนแขนขาดเลือดโกรก ก่อนจะสิ้นสติได้ใช้นิ้วแตะเลือดเขียนลงบนผ้าความว่าให้ลูกหลานรักษาค่ายอย่าให้แตก! จนเหล่าทหารพลาธิการพาตัวท่านใส่เปลจะเข้าไปหาหมอรักษาในค่าย เมื่อถึงปากทางเข้าค่ายท่านยกมือห้ามว่าตัวท่านนั้นต้องอาญาทัพไม่อาจจะมีหน้ากลับไปเข้าในค่ายเป็นทหารที่กลายเป็นโจรเสียแล้วจะเป็นเยี่ยงอย่างไม่ดีแก่กองทัพไปภายหน้า ขอให้ทิ้งท่านไว้เสียนอกกำแพงแล้วท่านก็ขาดใจ
งานนี้บรรพชนได้สละชีพไว้ รักษาจารีตกติกา จนลูกหลานผ่านมาหลายยุคสร้างอนุสาวรีย์ให้กับท่านเป็นรูปท่านขุนรัตนาวุธถือดาบสองมือ ก็ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งเคร่งครัดคือไม่นำรูปท่านเข้าในค่าย จึงกลายเป็นรูปปั้นอนุสาวรีย์ทหารเอกนอกค่ายมาจนบัดนี้ ชาวกาญจนบุรีตั้งมูลนิธิกู้ภัยต่างๆก็ขอเชิญนามของท่านมาเป็นมงคลว่ามูลนิธิขุนรัตนาวุธ
สักสิบกว่ามานี้ บ้านเมืองมีความก้าวหน้าทางกฎหมายและการยุติธรรมไปมาก มีศาลที่สากลเรียกกันว่า ศาลชำนัญพิเศษเกิดขึ้นมา ทั้งศาลยุติธรรมก็ขยายแผนก สู่ คดีผู้บริโภค คดีเด็กและเยาวชน คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คดีภาษีอากร ฯลฯ เกิดศาลใหม่ เช่น ศาลปกครอง ขึ้นมาอีก กฎหมายเขาจึงกำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยเขตอำนาจระหว่างศาล ก็จะมีประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง และประธานศาลทหาร (หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร )มาประชุมร่วมกันหากว่ามีคดีไหนที่เป็นที่สับสนอยู่ว่าจะไปให้ศาลใดพิจารณาคดี กรรมการจากทั้งสามศาลนี้ ก็จะได้ประชุมพิจารณาหาข้อสรุปชี้ขาดกันต่อไป กลับมาเรื่องว่าในราชการรบหรือในทางสงครามนั้น ทหารก็ไม่ใช่มีแต่เพียงความบาดเจ็บทางร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากอาวุธเกิดจากสารเคมี เกิดจากสารชีวภาพหรืออุบัติเหตุใด จากสภาพสถานการณ์แต่เพียงเท่านั้น
ยังมีปัญหาทางจิตใจเกิดขึ้นเป็นโรคที่เรียกกันว่าจิตเวชจากสงคราม ซึ่ง ใช้คำกว้างว่า PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) โดย Traumatic ในที่นี้ก็คือสงครามนี่เอง
ในอเมริกานั้นเล่ากันว่า อาการเริ่มแรก คือ จะเห็นภาพเหตุการณ์แย่ๆนั้นซ้ำ ๆ ราวกับเครื่องเล่นวิดีโอที่ฉายแต่ทำให้เห็นภาพหลอน ฝันร้าย และวิตกกังวลรุนแรง ต่อมาจะเกิดอาการ flash back คือ จะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ ตื่นกลัว บางคนใจสั่น มือสั่น และเหงื่อออกมาก ลามไปสู่โรคซึมเศร้า โรคกลัว โรควิตกกังวล ปวดหัว แน่นอก แน่นท้อง หรือ พฤติกรรมที่เป็นอันตราย เช่น การหันมาใช้สารเสพติด หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาจทำร้ายตนเอง
งานนี้นอกจากหมอจะช่วยดูแลแล้ว การทำสถานที่พักฟื้นสำหรับผู้เสียสละเหล่านี้ก็สำคัญ เราจึงได้ยินคำว่าเราจึงได้ยินคำว่าสถานพักฟื้นกองทัพบกอยู่ที่บางปูก็มีอยู่ที่เพชรบุรีก็มีอยู่ที่เชียงใหม่ก็มีปัจจุบันนี้ก็เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าใช้งานได้ด้วย