KEY
POINTS
ลุงฉิ่ง เห็นหน้า นายเฉย บวมปูด ก็ถามด้วยความฉงนกึ่งเป็นห่วงว่า “เฮ้ย! ไอ้เฉย เอ็งเผ่นหนีคดีใครมา หน้าตาโดนอะไรวะเนี่ย!” นายเฉย เป็นหลาน ลุงฉิ่ง เขาบอกลุงว่า “โดนแจ็กพอตริมทางกลางยามราตรี!” ลุงฉิ่ง ยิ้มแล้วก็แซวว่า “สำบัดสำนวนสมกับเป็นนายหนังตะลุงเลยนิ คราวนี้เกิดเหตุอลเวงอะไรขึ้นมาเหรอ”
นายเฉย ตีหน้าเซ่อนั่งลงเล่าตามคำขอว่า “เมื่อคืนไปเล่นหนังตะลุงในงานชิงเปรต เล่นเสร็จเจ้าภาพเขาก็ขับรถมาส่ง นั่งสะลึมสะลือไปสักพัก ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องอยู่ในบ้านริมทางว่า ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ผมก็บอกให้นายหัวชะลอรถ กดกระจกลงแล้วตะโกนถามว่า ไอ้น้อง ที่เอ็งตะโกนมาว่า ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! บอกให้ชัดเจนหน่อย สิว่า จะขอให้…ช่วย ด้วย…อะไร!” (ฮา)
ลุงฉิ่ง หัวเราะแล้วก็คอมเมนต์ว่า “เอ็งจะพูดอะไรกับใครถ้าไม่จำเป็นก็อย่าสะบัดสะบิ้งให้มันเยอะนักสิวะ” นายเฉย ชี้แจงแก้ตัวว่า “ลุงฉิ่ง จะให้ผมผลีผลามเข้าไปในยามมืดตึ๊ดตื๋อได้ไง ผมถามตามหลักภาษาไทย เขาขัดใจก็ตะโกนด่ากลับมาว่า ไอ้ด้วยนะไอ้ด้วย! ไม่มีอะไร ก็ไม่ต้องช่วย ไอ้ด้วย…ช่วยไปให้ไกลๆ!” (ฮา)
มุกนำร่องเรื่องนี้มีบรมครูเหาะมาหยอดลงในกลางจิต มันแว่บให้ผมได้คิดเอามาแผลงแปลงจากภาษาไทยกลายเป็นภาษาแถ จิตมันจูนหมองให้ลองเอามาแชร์ ไม่ได้หวังจะสาระแนเพียงแค่สนใจว่า ก่อนจะเขียนลงไปก็เพราะมันมีสาระนำ สาระที่ว่ามันไม่มีอะไรให้ขำ
สำคัญตรงที่ว่า ถ้าใครคิดจะเล่นมุกก็ช่วยจำ “ยุทธวจี” เอาไว้ให้แม่น หากมองข้ามอาจจะมีวาสนาโดน โปรดิวเซอร์ แบนผลงานไปตามระเบียบ ฮะแอ้ม ฮะแอ้ม ถ้าลืมก็คงจะไม่ได้แอ้ม ใครอยากจะร่วมแอ้มต้องพยายามออเซาะ โปรดิวเซอร์ ไว้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร “โปรดิวเซอร์”
เขาใหญ่พอที่จะ ชี้เยส หรือ ชี้โน หน้าที่เขาลึกล้ำ เฝ้ายามรอดูผลงานที่เราผลิตเพื่อจะได้เช็คให้ชัดเจนว่า มัน เฉื่อย หรือ เฉียบ 3 จ๊อบนี้ ต้องเนียบ คือ Pre : ก่อนการผลิต Pro : การถ่ายทำ Post : หลังถ่ายทำ
ราเบอเลส์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส ยุคเรอเนซองส์ ท่านให้ข้อคิดไว้ว่า “เสียงหัวเราะทำให้คนเป็นมนุษย์” อย่างไรก็ตาม “ศิลปินตลก” ปิแอร์ เดโปรจ “เจ้าถิ่นฝรั่งเศส” บอกกับ “ศิลปินตะลึง!” บ็อบ ม็องก์เฮาส์ “เจ้าเข้าผู้ดีอังกฤษ!” ด้วยความห่วงใยเพื่อนใหม่ว่า “เราสามารถหัวเราะได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่กับทุกคน!”
เหตุที่ ปิแอร์ กระซิบเตือนเรื่องนี้ เพราะว่า บ็อบ ปล่อยมุกของผู้ดีอังกฤษ ผู้ฟังเขานั่งเงียบสนิท ผู้ฟังยังมีชีวิต แต่ทว่า ไม่มีชีวา เป็นไปได้หรือเปล่าว่า เล่าเรื่องผิดยุค มุกไม่ทำงาน อ่านความต้องการของผู้ฟังไม่ขาด ไม่ขอทับถมเพราะผมก็เคยแป๊กคาเวที มีใครบ้างคะเนแล้วไม่เคยคะมำ จิตชี้นำว่า บ็อบ…จุก เพราะมุกไม่ตรงปก
ในเมื่อกูรูเขาเล่าถ้าไม่เอามาเช็คก็ไม่ใช่บัณฑิต คิดแล้วก็ตัดสินใจมุดเข้าไปติดตาม “จำ(เอาไว้)เลย” รักจะทำงานเพื่อสังคมต้องก้มหน้าขยันหมั่นสอดส่องเสาะหาประจักษ์พยานให้มันแฟร์
ขอแชร์มายก๊อดเอาตัวรอดโดยธรรมไว้ก่อนว่า ทุกตัวอย่างที่นำมาอ้างอิงไม่ได้ตั้งใจจะไล่ล่า ให้ถือเสียว่าต่างฝ่ายต่างพากันผลัดเป็นพี่เลี้ยง อะไรที่เผลอเอียงก็ช่วยกันปรับให้ตรงปก อย่างเช่น “50 เรื่องตลกยอดนิยมตลอดกาลของอังกฤษ” คือ ชื่อที่ใช้เป็นหัวเรื่องจูงใจ ดูแล้วไม่ได้มีแต่เฉพาะมุกเข้าฌาณมันก็ใช่ ถึงกระนั้นก็ต้องทำใจ มุกเข้าฌาณมันก็มีอยู่จริง
มุกแรกของเขาถึงแม้ว่าจะไม่เพริดพริ้งแต่จัดได้ว่าลีลาระดับโจ๊ะพรึมๆ อย่างเช่น “ทารกที่น่าเกลียดที่สุด”
เล่าไปตามท้องเรื่องว่า ผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถบัสพร้อมลูกน้อย คนขับก็ทักว่า “โอ๊ย! นี่มันเด็กทารกที่น่าเกลียดน่าชังที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก่อน!” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปที่ท้ายรถบัสแล้วนั่งลง เธอหันไปหาชายที่นั่งข้างๆ แล้วพูดว่า “คนขับเพิ่งจะด่าฉัน!" ชายคนนั้นพูดว่า “ไปดูเขาหน่อยสิ ฉันจะจับลิงของคุณไว้เอง!” (ฮา)
ลำดับถัดมาหากี่วรรคก็ไม่เจอมุก จึงปลดทุกข์ว่า โชคดีวันนี้มีข่าวสไตล์สแปลชให้อ่าน อย่างเช่น “ฝาแฝด”
พลิกจากเฮฮามาเป็นสารคดีว่า ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกแฝด เธอยกให้คนอื่นรับเลี้ยง คนแรกให้ไปอยู่กับครอบครัวชาวอียิปต์ ตั้งชื่อให้ว่า “อามัล” คนที่สองให้ไปอยู่กับครอบครัวชาวสเปน ตั้งชื่อให้ว่า “ฮวน” หลายปีต่อมา “ฮวน” เขาส่งรูปตัวเองมาให้แม่ ภรรยาบอกสามีว่าเธออยากมีรูปของ “อามัล” ด้วย สามีเขาก็พิพากษาว่า “ลูกเราเป็นสาวฝาแฝด เราเคยเห็น ฮวน และ อามัล หน้าตาเหมือนกันอยู่แล้ว จบข่าวนะเธอ”
ลำดับมาแรงสายพันธุ์แกงจืด ถ้ารู้สึกว่าตลกมันก็เป็นตลกร้าย อย่างเช่น “แม่สามี” เนื้อเรื่องมีถ้อยคำไม่สั้น และไม่ยาว “ลูกสะใภ้” สไตล์ “เมียเทา” รำพึงกับตัวเองว่า “แม่สามีของฉันตกลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ฉันประหลาดใจมาก ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันใช้งานได้ ” (♥“ใจดำ”♥)
ลำดับแกงจืดขนานแท้ เขาแชร์รวมไว้หลายเรื่อง หนึ่งในหลายเรื่องที่ชาวอังกฤษขำ แต่ประเทศอื่นๆ คิดตามไม่ทันว่าขำตรงไหน อย่างเช่น มุกสั้น “ช้อปปิ้ง” เล่าประหยัดว่า “ไปร้านขายกระดาษมา ลมพัดหายไปเลย”
ถ้านักทอล์คท่านใดเอาไปเล่าแบบสายฟ้าแลบ นักทอล์คท่านนั้นอาจจะมีนิคเนมใหม่ว่า “นักทอล์คจุ๊ดจู๋” (ฮา)
ขอทำความเข้าใจส่งท้ายว่า ประเด็นเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโต ก็แค่ ไม่สาแก่ใจ ห่วงใย เช่นเดียวกับ ปิแอร์ เดโปรจ ที่ เห็นใจ และ ห่วงใย บ็อบ ม็องก์เฮาส์ เขาจึงชี้แนะให้ประยุกต์มุกใหม่ในการทอล์คคราวหน้า
ผมขอเบิกเอามุกของ กูรูฝรั่งเศส! มาให้ดูเป็นตัวอย่าง สามารถเรียกเสียงฮาได้ “ไม่เยอะ” แต่ก็ “ไม่น้อย”
จูเลียน วัยเยาว์ แบมือขอเงิน 10 ยูโร จาก เป๋าตังค์คุณพ่อ ท่านพระบิดร ถามสัมภาษณ์ในทันทีทันใดว่า “ท่านเทพธิดา จูเลียน จะเอา 10 ยูโร ไปทำอะไร” จูเลียน วางฟอร์ด้วยจิตใจอันดีว่า “จะเอา 10 ยูโร ไปให้หญิงชรา นะท่าน”
คุณพ่อ ก็ปรารภว่า “ดีใจจังที่ ท่านเทพธิดา จูเลียน มีน้ำใจอยากช่วยหญิงชรา หญิงชราท่านนั้นอยู่ไหนล่ะ” จูเลียน ชี้นิ้วและยิ้มแป้น หันมาบอก คุณพ่อ ว่า “นั่นไง ป้าเขาขายไอศกรีม!” (ฮา)
คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4131