GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 3

22 ส.ค. 2568 | 23:00 น.

GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 3 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,125

KEY

POINTS

  • บทความยกตัวอย่างพฤติกรรม "เยอะ" หรือการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ที่นำไปสู่ความขัดแย้งและปัญหาบานปลาย เช่น กรณีครูที่ลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุจนปลอมแปลงเอกสาร
  • พฤติกรรม "เยอะ" ยังสะท้อนถึงการกระทำที่ไม่จำเป็นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ หรือการโต้เถียงนอกประเด็นจนลืมเป้าหมายหลัก ดังเช่นเรื่องพ่อกับหมอ AI ที่ทะเลาะกันจนไม่ได้รักษาลูก
  • คำว่า "อย่าเยอะ" เป็นคำเตือนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความตรงไปตรงมาและเรียบง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงความเหนื่อยใจที่ไม่จำเป็นจากการกระทำที่เกินเลยของผู้ใหญ่

คนรวยแต่งตัวหล่อเหลาอลังการ เผลอปล่อยเหรียญทองตกลงไปในท่อระบายน้ำโสโครก เด็กซกมกเสื้อผ้ารุ่งริ่งเดินผ่านมาพอดี อาสาลงไปเก็บเหรียญทองจากในท่อมาส่งคืนให้ ก่อนที่คนรวยจะมอบเหรียญทองสองเหรียญให้เด็กกะโปโล เขาบอกให้คนขับรถช่วยถ่ายภาพเก็บไว้ไปโพสต์โชว์ในโลกโซเชี่ยล เด็กดีใจที่ได้เหรียญทองสองเหรียญจากคนรวย

คนขับถามคนรวยว่า “ให้เด็กสองเหรียญเลยหรือครับ ขาดทุนนะเนี่ย!” คนรวย สารภาพหน้าตาเฉยว่า “รอบนี้ฉันโด่งดังฟรี ไม่ต้องลงทุนอะไรมันเลย เหรียญทองฉันมันตกลงไปเหรียญเดียว อีกสองเหรียญผีผลักให้มันควานหาเจอ มันนึกว่าเหรียญของฉัน สองเหรียญนี้เป็นลาภลอยที่เพิ่มเครดิตได้เหมาะเจาะดีแท้!”

ตัวอย่างเรื่องนี้เริ่มชี้ให้เห็นว่า คนรวย ในเรื่องนี้ มีเชื้อ “เค็ม!” กับ “อนุโม้!” แฝงเร้นอยู่ ไม่ช้าไม่นานจะเปลี่ยน “เค็ม!” เป็น “เขี้ยว!” กับ “อนุโม้!” เป็น “มหันตโม้!” (ฮา)

พี่ชายคนโตของผม เรียกนิคเนมว่า “เฮียกุล!” เรียนสายวิทย์เก่งเป็นว่าเล่น เป็นคนมีมารยาทดี แต่ถ้ามีใครไร้มารยาทก็จะไม่สุงสิงด้วย มีเหตุพิเศษเกิดขึ้นในชั้นเรียน ครูวัยโอบ สอนวิชาเรขาคณิต ท่านมีกติกาว่า ถ้าใครลืมอุปกรณ์ วงเวียน กับ ไม้โปร จะโดนทำโทษด้วยไม้บรรทัด ไม้บรรทัดที่จะใช้ตีมือทำด้วยไม้แข็งและหนา ผู้ผลิตเขาสอดไส้แผ่นเหล็กเอาไว้อีกต่างหาก

“เฮียกุล!” บอกครูวัยโอบว่า “ครูครับ ผมขอให้ครูตีน่องดีกว่าถ้าตีมือแล้วกระดูกนิ้วมันแตก หรือ หัก จะยุ่งยากกว่านะครับครู!” ครูวัยโอบ ไม่พอใจ แผดเสียงดังทั้งห้องราวกับหงุดหงิดมาตั้งแต่ชาติก่อน ท่านก็บอกว่า “ถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันตีที่มือ เธอก็ออกไปนอกห้อง ครูก็ไม่ให้เรียนจนกว่าจะกลับใจมาให้ฉันตี!”

เป็นวันแรกหลังจากเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดมาแล้วสองปี ที่เพิ่งจะมีปัญหากับ ครู ตัดสินใจไปเดินอยู่ใต้ต้นไม้ อาจารย์ใหญ่ เดินมาเจอก็ถามว่า “ทำไมเธอมาเดินเล่นไม่ไปเข้าห้องเรียน”! เฮียกุล อธิบายสตอรี่ให้อาจารย์ใหญ่ฟัง อาจารย์ใหญ่ ส่ายหน้าแล้วรำพึงว่า “เรื่องไม่เป็นเรื่อง เอางี้ดีกว่า เธอเข้าไปบอกครูว่า ฉันสั่งให้เธอเข้าเรียน!” ไม่รู้เหมือนกันว่าครูท่านจะหลบมุมไปเมคอัพเพิ่มรึเปล่า (ฮา)

หลังจากวันนั้น ครูปั้นเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไปรษณีย์เอาซองเอกสารราชการไปส่งให้ “ครูหงวน!” ถึงบ้าน “เตี่ย” ของ “เฮียกุล!” ล้วงเอาเอกสารจากซองมาดู มันคือ จดหมายราชการที่ส่งมาสั่งให้ ผู้ปกครอง คือ “ครูหงวน!”  ให้มาพบ ครูผู้สอน กับ ครูฝ่ายปกครอง เพื่อจะปรึกษากันว่า “เฮียกุล!” วางตัวกระด้างกระเดื่อง ผู้เซ็นเอกสารยืนยันเรื่องนี้ คือ อาจารย์ใหญ่

“เตี่ย” เดินทางไปพบกับ อาจารย์ใหญ่ ส่งจดหมายให้อ่าน อาจารย์ใหญ่ “ตกใจ” เพราะว่า “ท่านไม่ได้เซ็นจดหมายแผ่นนี้” ปรากฏว่า คนที่เซ็น คือ ครูวัยโอบ! เธอไม่รู้หรือว่า “เอกสารนี้ราคามันแพงเพราะมันกลายเป็นเอกสารเท็จ” อาจารย์ใหญ่ มีอาการวิตกกังวลเดินเข้ามายกมือไหว้ขอโทษ “ครูหงวน!” พร้อมกับบอกว่า “ขอเถอะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศาล”

สองท่านนี้เขาขอกันได้ เนื่องจาก “เตี่ย” กับ “อาจารย์ใหญ่” ซี้ปึ๊กกันมานาน อันที่จริงถ้าครูหยุดเคลื่อนไหว คะแนนเห็นใจก็คงจะปรากฏ เสียดายที่ครูไม่ยอมลดละ ออกลีลาชิชะกะว่าจะเอาคืน จึงมองเมิน “เดินข้ามหลักสายกลาง!” เพราะลูกศิษย์ในสมัยนั้นไม่กล้าวอนสอนผู้ใหญ่ว่า “อย่าเยอะ!”

                          GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 3

มุกของฝรั่งเขาเล่าง่ายๆ ว่า ใครบ้างจะไม่เซอร์ไพรส์ เมื่อได้ AI เป็นหมอ พ่อพาลูกชายไปคลินิก พ่อบอกอาการของลูกชายกับ คุณหมอ AI ด้วยลีลาสายตาเหมือนจะห่วงใย พร้อมกับสลับกันไปในสีหน้าคล้ายกับว่า จะรีบกลับบ้านให้เร็ว จึงพูดแบบเฮ้วๆ ไม่รอช้าว่า “ลูกผมเขาสนใจสะสมกุญแจเอาไว้ในท้องมา 10 วัน แล้วแหละ” คุณหมอ AI ถามว่า “แล้วคุณเพิ่งจะพาเขามาเผาวันนี้รึไง!” (ฮา)

แววตาของพ่อก็เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเขียวในทันใด พ่อเงยหน้าขึ้นมาจ้อง คุณหมอ AI เพ่งสายตามองพร้อมกับยักคิ้ว พ่อบอก คุณหมอ AI ว่า “ปกติแล้วเราจะมีกุญแจสำรอง แต่แม่เขาเอาของมาวางปนกันนัวจนหาไม่เจอ ถ้าหมอล้วงกุญแจออกมาไม่ได้ ผมจะโพสต์ในโลกโซเชี่ยลว่า คุณหมอ AI ไม่เอาอ่าว!”

คุณหมอ AI ส่ายหัวเลียนแบบคนอินเดีย พร้อมกับตอบกลับมาว่า “ใช่สิ หมอไม่เอาอ่าว จะเอาแรงไหนไปแย่งน้ำมันกะเขาล่ะ เอาแค่ เกาะกูด ก็พอ ที่นั่นไม่มีใครไปวางระเบิด” พ่อเริ่มหมั่นไส้จึงพูดประชดว่า “หมอป๊อด ไม่กล้าไปอ่ะดิ๊ กลัวฉลามวาฬว่ายมางับจับเอาไปเป็นผัวมั้ง” (ฮา)

คุณหมอ AI เล็งดูเส้นผมพ่อแล้วแซวมั่งว่า “พ่อมีเมียสองคนแน่เลย คืนไหนนอนกับเมียหลวง เขาจะถอนผมดำทิ้งบ่อยมาก เพราะผมเธอมันขาวกว่าพ่อ คืนไหนพ่อนอนกับเมียน้อย เขาก็จะถอนผมขาวทิ้งเหมือนกันเพราะผมเธอยังดำอยู่ จัดงานฉลองวันเกิดเหมื่อไหร่ พ่อจะไม่มีผมเหลืออยู่เลย!” (ฮา)

ใบหน้าพ่อสีแดงเปล่งคว้าข้อมือลูกขึ้นรถฉับไวไม่ไหว้อำลา ชะตาลูกจะพลิกไปคลีนิกไหนก็ไม่รู้ เท่าที่รู้คือ คุณหมอ AI กับ คุณพ่อ ไม่ได้เจอกันอีก เพราะมัวพูดจาลามปาม “เดินข้ามหลักมัฌชิมา” ลืมไปว่าทั้งสองฝ่ายต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน

อ่านแล้วนึกถึง ผู้เฒ่า สอนผมเอาไว้นานแล้วว่า “วันใดวันหนึ่งเมื่อเรียนจบปริญญา เอ็งก็จงทำตัวให้มันธรรมดาเข้าไว้ เจอใครตรงไหนก็ยกมือไหว้ตรงนั้น สัตว์ที่ลอดรูหลบหนีได้ก็เพราะตัวมันเล็ก ถ้าเอ็งเบ่งกล้ามโชว์โม้ให้ใครดู ลองเอาไปคิดดู ระหว่าง คนตำแหน่งใหญ่ กับ คนใจใหญ่ เอ็งว่าใครจะช่วยเอ็งก่อน!”

ผมหยิบแอ็คชั่นตัวอย่างมาเล่าเป็นกรณีศึกษา เจ้าตัวเล่าว่า ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา นายมีน้ำใจบอกกับลูกน้องว่า “เราทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาเป็นปีแล้ว ปีใหม่นี้ เรามีแนวความคิดว่าควรจะจัดงานเลี้ยงปีใหม่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพวกเรา” เจ้าตัวทะลุกลางปล้องว่า “นายครับ ผมไม่ต้องการงานเลี้ยงครับ ผมต้องการทำงานแบบสบายใจ เหนื่อยกายแค่ไหนผมทนได้ครับ ขอแค่ว่าอย่าทำให้เหนื่อยใจ ของขวัญปีใหม่ที่ผมต้องการมีแค่นี้แหละครับ!” พูดอย่างนี้แหละจะขัดใจกัน คำว่า “อย่าเยอะ” คือ คำเตือน! คำว่า “เยอะหย่า” คือ คำราม! (ฮา)

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,125 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568