GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 5

05 ก.ย. 2568 | 23:30 น.

GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 5 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4129

KEY

POINTS

  • บทความอธิบายความหมายของคำว่า “อย่าเยอะ” ผ่านเรื่องเล่าและมุกตลกที่สะท้อนถึงพฤติกรรมการทำอะไรเกินพอดี การโอ้อวด หรือการแสดงออกที่ไม่ถูกกาลเทศะ
  • ยกตัวอย่างผลเสียของการ “เยอะเกินไป” ซึ่งมักนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงลบที่ไม่คาดคิด เช่น การบาดเจ็บจากการอวดพลัง หรือแผนการที่ผิดพลาดจนน่าเจ็บใจ
  • สรุปให้ข้อคิดว่า การไม่โอ้อวด หรือ ทำอะไรเกินตัวเป็นสิ่งที่ดี เพราะการกระทำดังกล่าว เปรียบเสมือนการชักนำเรื่องร้ายเข้ามาหาตนเอง ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำว่า “อย่าขี้โม้โชว์ล่อมาร”

ผมเคยเที่ยวท่องล่องไพรในป่าทึบมาหลายรอบ รอบท้ายสุดก่อนจะยุติการลาดตระเวณในถิ่นดงดิบ ผมทำหน้าที่เป็นผู้เสาะหากิ่งไม้แห้งมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ผมสวมรองเท้าทหารเดินหามาได้หลายกิ่งเอามาปรับสภาพให้กลายเป็นไม้ฟืน มีอยู่กิ่งหนึ่งที่อวบกว่ากิ่งอื่น ผมก็เอามาวางทำมุม 30 องศา ก่อนจะยกเท้าขวากระทืบ ผมก็โม้กับเพื่อนว่า “มึงดูกู! มึงดูกู!” ว่าแล้วก็ตื้บลงไปเต็มอัตราศึก ไม่มีเสียงหักดังเปรี๊ยะ กิ่งไม้ก็ไม่ไหวติง ผมเองก็ติงไม่ไหว (ฮา) 

แรงกระแทกสะท้อนของไม้แห้งเสียงมันดังได้ยินไปทั่วทั้งบริเวณว่า  “โอ๊ย…ย…ย” (ฮา) ผมทายาหม่องจนหมดขวดยังเดินขาลากอยู่สามวันมันไม่เปลี่ยนเชฟเลย บวมจนต้องถอดไอ้โอ๊ปส่งให้เจ้าหน้าที่อารักขาเอาไปใช้เป็นที่ระลึก พฤติกรรมหนนี้จำใส่กะโหลกไม่เคยลืมเลือน วันใดเจอกับ วัยรุ่น Gen Z จะตัดพ้อกันซะหน่อยว่า “ทำไมในสมัยนั้นเอ็งไม่เตือนข้าว่า อย่าเยอะ ล่ะวะ!” (ฮา)

ระหว่าง “สิ่งแวดล้อม” กับ “สิ่งแว๊ดล้อม!” ผมชอบ สิ่งแวดล้อม มากกว่า เพราะว่า สิ่งแวดล้อม เขาไม่รุกรานใครก่อน สมัย ม.1 ครูบังคับให้ศิษย์เข้ามารายงานตัว เพื่อจะคัดเลือกเป็นตัวแทนนักกีฬานานาประเภท  ผมโดนเกณฑ์ให้เข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักวิ่งร้อยเมตร แต่ละครั้งจะให้ศิษย์มาวิ่งแข่งกันทีละ 5 คน ผมก็เป็น 1 ใน 5 ที่ครูเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เนื่องจาก ผมวิ่งเกียร์หนึ่งมาได้ครึ่งทางก็สำแดงอาการว่าหมดแรงแล้วเนี่ย (ฮา) 

ครูเดินเข้ามาตบไหล่ดังเพี๊ยะพร้อมกับเฉ่งว่า “เธอจงใจวิ่งแบบล้มมวยนี่หว่า!” ผมสารภาพว่า “ใช่ครับ ผมไม่มีความสุขกับการวิ่งร้อยเมตร ชนะก็ไม่มีรถแห่ แพ้ก็โดนกองเชียร์ด่า เก็บเนื้อเก็บตัวเอาไว้ทำกิจกรรมอื่นจะเหมาะกว่า หลายปีในภายภาคหน้าครูจะรู้เองว่าผมจะทำอะไรให้กับบ้านเมือง”

จะว่ากันไปคงไม่มีใครปฏิเสธว่า นักกีฬา ไม่ค่อยจะได้ เกรด A เนื่องจากต้องเข้ากลุ่มฝึกซ้อมกัน ให้เข้าใจในยุคสมัยผม ซ้อมทุกวันจนไม่เป็นอันเรียน  “ซ้อมกีฬา” เสร็จ ก็ชวนกันไปนั่งล้อมซ้อม “ยาวิเศษ” (ฮา)

ด้วยเหตุนี้แหละ สังคมเมืองเราเขาจึงได้มีมุกฮากันเป็นว่าเล่น

พ่อ : เอ็งเป็น หัวหน้าห้อง ทำไมคะแนนสอบกลางปีของเอ็งมันได้น้อยกว่าตังค์ขอทาน

ลูก : ขาดเรียน…

พ่อ : ลูกขาดเรียนวันสอบเหรอ

ลูก : ม่ายช่าย เพื่อนที่นั่งโต๊ะใกล้กัน มันไปซ้อมกีฬา ผมจนปัญญา เพราะว่า “มันขาดเรียน!” (ฮา)

ใครที่คิดว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นปัญหาระดับ “จิ๊บๆ” ไม่วันใดก็วันหนึ่งจะต้องเจอแผลใจระดับ “เจ็บๆ” 

นักเรียนยุคเดอะลุคซ์มักจะสต๊อค “มุก” เอาไว้งัดมาล้อเล่นกับครู อย่างเช่น ครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ เข้ามาบอกให้ทุกคนเตรียมทำข้อสอบตอบเก็บคะแนนกลางปี โดยครูจะบอกคำถามกันสดๆ ว่า “จอร์จ วอชิงตัน โค่นต้นเชอร์รี่ของพ่อ มันไม่ธรรมดาเพียงแค่นั้น เขายังรับสารภาพกับพ่อด้วยว่า ผมเป็นคนทำเอง คำถามที่ ทำไม พ่อ ของ จอร์จ วอชิงตัน ไม่ลงโทษลูก! ขอให้ทุกคนจงใส่ใจใฝ่หาเหตุผลให้ชัดเจนว่า เป็นเพราะอะไร”

                                 GEN Z เตือนว่า “อย่าเยอะ!” ฉากที่ 5

นักเรียนทั้งห้อง เอาจริง เอาจัง ไม่กล้าลอก ไม่กล้าถาม เพราะว่า ในห้องเรียนมีกล้องวงจรปิด นักเรียนทั้งสิ้น ขยันเขียนคำตอบส่งตรงเวลา ยกเว้น “หัวหน้าห้อง” นั่งขำอยู่นาน กว่าจะเขียนส่งครูแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

คำตอบเขามีแง่คิดแบบ บทคัดย่อ ว่า “พ่อของเขาเห็นอยู่ตำตาว่า ลูกจอร์จ ยังถือขวานอยู่ในกำมือ!” (ฮา)

ชะตาของ หัวหน้าห้อง มันจะ ออกหัว หรือ ออกก้อย แล้วแต่ วาสนา ของ หัวหน้าห้อง หรือ อัธยาสัย ของ ครู ถ้า ครู เป็น มิสซีเรียส หัวหน้าห้อง อาจจะ หลุดจากตำแหน่ง หรือ โดนย้ายจาก ห้อง A ให้ไปอยู่ที่ ห้อง B โทษฐาน  มุ่งผิดทิศ : ทางเลือก  ไม่คิดตามสูตร : ข้ามหลัก  พูดผิดจุด : ไม่ตรงปก  กร่างล้นโลก : เยอะเกิน

แฟนคลับที่อ่านเขาผ่านมาเจอก็แซวกันว่า  “โลกนี้ไม่ได้มีแต่ อย่าเยอะ เขามี อย่านะ ตามกันเป็นพรวน” 

ความหมายของคำว่า “อย่านะ” หมายถึง “แต่งงานแล้วเข้าห้องหอ อี๋อ๋อกันจนไก่ขัน ข้อสำคัญต้องไม่มีลูก” ค่านิยมแบบนี้คงจะรู้กันอยู่ดีว่า มันไม่มีใครผิดใครถูกแบบเบ็ดเสร็จ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ต้องดิ้นรนเอาเอง

โชคดีที่นั่งคิดไปค้นมาก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ “เรื่องสั้น” หรือ ท่านใดจะเรียกว่า “เรื่องกุด” ก็แล้วแต่ใจจะ…ไฟฟ้า! เรื่องนี้มีกันทุกถิ่น ชายน้อยถามพ่อเป็นการส่วนตัวว่า “พ่อครับ ถ้าเราจะแต่งงาน เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ครับ” พ่อคนนี้เคยบวชพระแน่นอน เขาพูดความสัตย์กับลูกว่า “ไม่รู้สิลูก พ่อยังควักจ่ายกันอยู่ทุกวันเลยนะ” (ฮา) 

เรื่องตะกี๊ก็จัดว่าเจ็บแล้วนะ ใครเจอเรื่องนี้จะ เห็นที หรือ เห็นกี่ที คาดว่าจะ กระอัก มากกว่า กระดาก อะดิ รายนี้ก็อยากจะมีผู้หญิงสักคนกับเขามั่ง เขารีบรูดซิบให้เข้าที่แว่บไปดู๋ดี๋ที่บาร์คนโสด เจอสาวสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น เขาสวม “วิญญาณชูน็อค” เพราะ วิญญาณชูน็อค มี DNA เดียวกันกับ “วิญญาณชูชก” (ฮา) เกิดมาก็ไม่เคย เล่นไพ่ เล่นหวย มีเซนส์ซะด้วยว่า “ทัก” ก็จะไม่พอ ต้อง “ทาย” ด้วย ถึงจะครบเซ็ท (ฮา)

เขาตกลงปลงใจเข้าไป ทัก…ทาย ว่า “ผมอาจจะดูเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่อีกเพียง สัปดาห์ หรือ สองสัปดาห์ พ่อผมจะหมดลมหายใจ ผมจะได้รับมรดกมหาศาล จำนวนสูสีพอๆ กันกับวุ้นเส้น” (มันเล่นไม่เลิก!)

หญิงสาวโดนใจไปกับเขาฉับพลัน ผลปรากฏว่า สามวันต่อมา…เธอพลิกเกมขึ้นมาเป็น “แม่งเลี้ยง” (ห่า!)

เชื่อฟังผู้เฒ่าไว้บ้างดิ๊ โบราณเขาก็สอนกันว่า “อย่าเยอะ!” มีดีอะไรถ้าไม่แน่ใจและไม่ใช่เวลาก็อย่าเพิ่งอวด

มอร์แกน ฟรีแมน เขาเตือนใจไว้ว่า “คนที่หักคุณหนึ่งครั้ง เขาก็พร้อมที่จะหักหลังคุณได้อีกนับพันครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำทะเลทั้งมหาสมุทรเพื่อจะพิสูจน์ให้รู้ว่ามันเค็ม!” หมายถึง เพียงแค่เราเคยเห็นใครโดนหักหลังกันเอง เราก็ควรระวังไว้ อย่าชะล่าใจ คือ “อย่าขี้โม้โชว์ล่อมาร!” ความหมายเดียวกันกับ “อย่าเยอะ!”


คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์  วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4129