วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี กรณีเสียหายถอนสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้!!

28 ก.ย. 2568 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2568 | 01:57 น.

วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีกรณีเสียหายถอนสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้!! : คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย...นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,135

KEY

POINTS

  • ผู้ลงทุนฟ้อง ก.ล.ต. ฐานละเลยต่อหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ระงับการถอนเงิน ทำให้เกิดประเด็นเรื่องการเริ่มนับอายุความฟ้องคดี
  • ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า "วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี" คือวันที่ผู้ประกอบธุรกิจประกาศระงับการถอนสินทรัพย์ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ลงทุนได้รับความเสียหายโดยตรง
  • ผู้เสียหายต้องยื่นฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ไม่สามารถถอนสินทรัพย์ได้ มิใช่นับแต่วันที่ ก.ล.ต. มีคำสั่งลงโทษปรับบริษัทในภายหลัง

ยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งในชีวิตประจำวัน การทำงาน การประกอบธุรกิจ หรือ แม้แต่การลงทุน ในอดีตเราจะคุ้นเคยกับการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไป เช่น ที่ดิน บ้าน หุ้น ทองคำ เงินสด แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราจะได้ยินการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency และ Digital Token ซึ่งเราจะคุ้นหูกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

หรือที่เรียกว่าเหรียญ Crypto ที่มีอยู่หลากหลาย และสามารถใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้เหมือนสกุลเงินทั่วไป โดยสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นที่นิยม เช่น Bitcoin รองลงมาคือ Ethereum 

สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น นับว่ามีความเสี่ยงสูง และต้องมีองค์กรที่กำกับดูแลเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน รวมทั้งป้องกันการฟอกเงิน หรือใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในทางไม่สุจริต ซึ่งก็คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

อุทาหรณ์จากคดีปกครองวันนี้ ... ขอว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรายหนึ่ง ซึ่งถูกผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลระงับการถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมิชอบ จึงได้ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต่อศาลปกครองว่า ละเลยต่อหน้าที่ในการกำกับดูแลบริษัทซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่ตน 

กรณีเช่นนี้ จะถือว่าวันใดที่เป็นวันที่รู้ หรือ ควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อให้ใช้สามารถสิทธิฟ้องคดีได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มาติดตามกันครับ

มูลเหตุของคดีนี้เกิดจาก ... ผู้ฟ้องคดีได้สมัครใช้บริการและซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล กับ บริษัท A ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ได้รับความความเดือดร้อนเสียหาย จากการที่บริษัท A ได้ประกาศระงับการถอนเงินบาท และสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้งานทุกคน ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565

ต่อมา คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วพบว่า บริษัท A ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 30 และมาตรา 31 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2563 โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบเพิ่งมีคำสั่งเปรียบเทียบกำหนดค่าปรับ ลงวันที่ 24 เมษายน 2566 กับบริษัท A

ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ความเสียหายดังกล่าวเกิดจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ละเลยต่อหน้าที่ในการควบคุมและกำกับดูแล ให้มีการปฏิบัติตามและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคล ที่กระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลฯ ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2563 จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และคณะกรรมการ ก.ล.ต. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตน

คดีมีประเด็นปัญหาว่า ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายในระยะเวลาการฟ้องคดีตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่?

                                      วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี กรณีเสียหายถอนสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้!!

ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 

เมื่อผู้ฟ้องคดีไม่สามารถถอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากบริษัท A ได้ จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายจากการกระทำของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี คือ การมีคำบังคับสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีนั้น เป็นคำบังคับที่ศาลมีอำนาจกำหนดได้

ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ โดยต้องยื่นฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว 

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัท A ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2563 แต่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ละเลย ไม่กำกับและควบคุมบริษัท A หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 บริษัท A ได้มีประกาศให้ระงับการถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหายไม่สามารถถอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากบริษัท A ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 

กรณีจึงถือได้ว่า ผู้ฟ้องคดีได้รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีอย่างช้า คือ ในวันที่ไม่สามารถถอนสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว มิใช่วันที่คณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบกำหนดค่าปรับ ลงวันที่ 24 เมษายน 2566 แก่บริษัท A ตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด

เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวนี้มิได้กระทบสิทธิของผู้ฟ้องคดี 
ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีจึงต้องยื่นฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 คือ ต้องยื่นฟ้องภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 การที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองชั้นต้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลาการฟ้องคดี

ศาลปกครองสูงสุดจึงยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 265/2568) 

สรุปได้ว่า กรณีผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ตนได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการไม่สามารถถอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ อันสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ละเลยต่อหน้าที่ในการกำกับควบคุมบริษัทดังกล่าวมิให้ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย วันที่บริษัทได้ประกาศให้ระงับการถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัล อันทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ถือเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีได้รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีเป็นอย่างช้า และต้องยื่นฟ้องคดีภายในหนึ่ง 1 ปี นับแต่วันดังกล่าว มิใช่นับแต่วันที่คณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งกำหนดค่าปรับกับบริษัทที่กระทำผิด ครับ

(ปรึกษาการฟ้องคดีปกครองได้ที่ “สายด่วนศาลปกครอง 1355”)

คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย...นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,135 วันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568