ปัญหามลภาวะทางเสียง ... เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เรา ๆ ท่าน ๆ อาจประสบพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงดังจากเครื่องจักรเครื่องกล เสียงเพลง เสียงสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งเสียงตีระฆังก็เคยเกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมาแล้ว ซึ่งเหตุรำคาญจากเสียงเช่นว่า เบื้องต้นเราคงวัดจากความรู้สึกของหูเราเอง แต่การจะชี้ว่าเสียงดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเหตุรำคาญ หรือเป็นเสียงดังรบกวนที่เกินค่ามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือในการวัดครับ
กรณีที่เกิดปัญหาดังกล่าว ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขในการระงับเหตุรำคาญ ที่เกิดขึ้นในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่เอกชน รวมทั้งมีอำนาจในการออกคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่นั้นระงับเหตุรำคาญภายในเวลาอันสมควร หรือจะกำหนดวิธีการป้องกันมิให้มีเหตุรำคาญเกิดขึ้น และในกรณีที่อาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพหรือความเป็นอยู่ของประชาชน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะออกคำสั่งห้ามใช้สถานที่นั้นจนกว่าจะมีการระงับเหตุรำคาญก็ได้
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ... เมื่อสังคมโลกเจริญขึ้น และมีประชากรจำนวนมากขึ้น การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมเหลือพื้นที่ในการใช้ชีวิตอย่างอิสระน้อยลง ส่งผลให้การประกอบอาชีพในพื้นที่ขนาดเล็กอาจกระทบกับผู้อยู่อาศัยข้างเคียงได้ไม่มากก็น้อย
การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการระงับเหตุรำคาญจึงต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง รอบคอบ และมีหลักฐานเพียงพอ เพราะหากมีคำสั่งเกินขอบเขตของกฎหมายย่อมส่งผลเสียกับผู้ประกอบกิจการ แต่หากละเลยหรือผ่อนคลายเกินไปก็อาจเกิดผลเสียกับผู้อยู่อาศัยข้างเคียง เช่นคดีที่นำมาฝากในวันนี้
เหตุของคดีเกิดขึ้นเมื่อ ... ผู้อำนวยการสำนักงานเขตแห่งหนึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเสียงดัง จากการประกอบกิจการผลิตเต้าหู้โดยใช้เครื่องจักรในช่วงเวลากลางคืน เช่น เสียงดังจากเครื่องจักรผลิตเต้าหู้ จากการถูขัดพื้นด้วยแปรงแข็ง การตักน้ำ การพูดคุย การเข็นรถไม้ การเคลื่อนย้ายสิ่งของ สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัยใกล้เคียง (เจ้าของกิจการได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ) ซึ่งผู้อำนวยการสำนักอนามัยรายงานผลการตรวจสอบว่า ผู้ร้องเรียนไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตั้งเครื่องมือตรวจวัดระดับเสียงภายในบ้านของผู้ร้องเรียน เจ้าหน้าที่จึงติดตั้งเครื่องมือบริเวณหน้าบ้านพักของผู้ร้องเรียนเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน
ปรากฏว่า ไม่ได้ยินเสียงเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้มีการประกอบกิจการผลิตเต้าหู้ จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุรำคาญตามประกาศกรมอนามัยหรือไม่ แต่หากมีการประกอบการดังกล่าวในยามวิกาลจริง มีแนวโน้มได้ว่าจะก่อให้เกิดปัญหารบกวนผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
ต่อมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น อาศัยอำนาจตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ออกคำสั่งให้เจ้าของกิจการแก้ไขและปรับปรุงการประกอบกิจการให้ถูกต้อง โดยการห้ามกระทำการใด ๆ ให้เกิดเสียงดังรบกวนโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
เจ้าของกิจการได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา จึงยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขต และหัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ) ต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
คดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่า คำสั่งพิพาทชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของกิจการจึงยื่นอุทธรณ์ โดยโต้แย้งว่า ขั้นตอนการตรวจสอบเหตุรำคาญ ต้องเป็นวิธีที่ยอมรับได้ในทางกฎหมาย เพื่อเป็นมาตรฐานในการชั่งน้ำหนักข้อเท็จจริงแทนการเอาความเห็นส่วนตน
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 29 (พ.ศ. 2550) เรื่อง ค่าระดับเสียงรบกวน ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2550 ข้อ 2 กำหนดว่า ให้กำหนดระดับเสียงรบกวนเท่ากับ 10 เดซิเบลเอ หากระดับการรบกวนที่คำนวณได้มีค่ามากกว่า 10 เดซิเบลเอ ให้ถือว่าเป็นเสียงรบกวน ซึ่งสอดคล้องกับข้อ 2 ของประกาศกรมอนามัย เรื่อง กำหนดมาตรฐานเหตุรำคาญ กรณีเสียงรบกวน ลงวัน 24 มิถุนายน 2558
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้อำนวยการสำนักงานเขตยังมิได้มีการตรวจวัดและคำนวณระดับเสียงว่ามีค่าเกินกว่า 10 เดซิเบลเอ หรือไม่ เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเองว่ามีแนวโน้มจะก่อให้เกิดปัญหารบกวนผู้พักอาศัยใกล้เคียงเท่านั้น คำสั่งที่ห้ามกระทำการใด ๆ ให้เกิดเสียงดังรบกวนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งห้ามกระทำการใด ๆ ให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้พักอาศัยใกล้เคียง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 58/2567)
สรุปได้ว่า ... แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมีอำนาจตามกฎหมายในการระงับเหตุรำคาญที่เกิดขึ้น และเห็นว่ากระทบกับผู้อยู่อาศัยข้างเคียงก็ตาม แต่ในการออกคำสั่งจะต้องมีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือและมีน้ำหนักเพียงพอ โดยมีการตรวจวัดค่าตามหลักวิชาการ
การมีคำสั่งระงับเหตุรำคาญในเรื่องเสียงรบกวนโดยอาศัยเพียงดุลพินิจของผู้มีอำนาจ โดยคาดคะเนเองว่ามีแนวโน้มจะก่อให้เกิดปัญหารบกวนผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง เช่น เสียงดังรบกวนจากการผลิตเต้าหู้ ตามกรณีพิพาท ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกคำสั่งระงับเหตุรำคาญดังกล่าวได้ และส่งผลให้คำสั่งที่ออกมานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ... นั่นเองครับ
(ปรึกษาการฟ้องคดีปกครองได้ที่ “สายด่วนศาลปกครอง 1355”)